เจมส์ แมดดิสัน จอมทัพชาวอังกฤษ เลสเตอร์ ซิตี้ สโมสรดังแห่ง วงการฟุตบอลต่างประเทศ กำลังเผชิญช่วงเวลาสำคัญในอาชีพนักฟุตบอลหลังจากที่เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เขาบาดเจ็บบริเวณสะโพกทำให้พลาดการลงสนามไปนานหลายเดือน
ขณะเดียวกัน อาการบาดเจ็บดังกล่าวยังทำให้ แมดดิสัน หมดสิทธิ์ลงช่วย เลสเตอร์ เล่นเกมนัดชิงฯฟุตบอลเอฟเอ คัพ ที่เอาชนะ เชลซี 1-0 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และยังส่งผลให้เขาไม่มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษไปลุยศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 อีกด้วย
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า อาการบาดเจ็บทำให้ แมดดิสัน ซึ่งก่อนหน้านี้โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในบทบาทเพลย์เมคเกอร์ เลสเตอร์ นั้น พัฒนาตามหลังเพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษอย่าง แจ็ค กรีลิช และ ฟิล โฟเด้น 2 ตัวรุก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแล้ว
เจมส์ แมดดิสัน จอมทัพชาวอังกฤษ ตามหลังเพื่อน
แมดดิสัน, กรีลิช และ โฟเด้น เล่นในตำแหน่งที่คล้ายคลึงกันจึงทำให้หลายคนอดเปรียบเทียบพวกเขาไม่ได้ โดยดาวเตะทั้ง 3 ราย มีหน้าที่หลักคือ สร้างสรรค์เกมรุกให้กับต้ยสังกัดตัวเอง และเป็นเหมือนผู้เล่นอิสระที่อยู่ทำตำแหน่งในแนวรุก
คริส ซัตตัน อดีตหัวหอก เชลซี ซึ่งทำหน้าที่กูรูระบุว่า “เมื่อฤดูกาลที่แล้วผมคิดว่า เจมส์ แมดดิสัน มีฤดูกาลที่ย่ำแย่ต่ำกว่ามาตรฐานของเขา และผมคิดว่า เขาทำให้ผู้จัดการทีมเลสเตอร์ อย่าง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส รู้สึกผิดหวัง”
“เลสเตอร์ จบพลาดตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แบบน่าเสียดาย ผมคิดว่า ร็อดเจอร์ส ไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัว แมดดิสัน เหมือนเดิมแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ผมีคิดว่า แมดดิสัน นำหน้า กรีลิช อยู่ก้าวหนึ่ง แต่ตอนนี้ กรีลิช กระโดดข้ามเขาไปแล้ว”
“เมื่อ 2-3 ปีก่อน กรีลิช เป็นแค่ดาวรุ่งที่มีฝีเท้าน่าตื่นเต้น แต่ขาดความสม่ำเสมอ แต่ตอนนี้ เขาเปลี่ยนไปแล้ว และ แมดดิสัน ก็ต้องเร่งพัฒนาการเล่นของตัวเอง และค่อยดูว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต คิดอย่างไรเกี่ยวกับเขากับบทบาทในทีมชาติอังกฤษ”
“แมดดิสัน น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดลุยศึกยูโร แต่เขาก็ไม่มีส่วนร่วม และนี่จะเป็นฤดูกาลที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขาในการพิสูจน์ตัวเอง และทำให้รู้ว่า เขามีพรสวรรค์ เขาต้องออกไปพิสูจน์มัน และกู้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา”
อาการบาดเจ็บได้หยุดการพัฒนา
ในซัมเมอร์นี้ กรีลิช ย้ายจาก แอสตัน วิลล่า มาเล่นกับ แมนฯ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 100 ล้านปอนด์ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักเตะชาวอังกฤษที่ค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ขณะที่ แมดดิสัน มีข่าวเชื่อมโยงกับ อาร์เซน่อล แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ร็อดเจอร์ส อธิบายว่า “ผมคิดว่า เจมส์ และ แจ็ค กรีลิช พวกเขาทั้งคู่สนิทกัน พวกเขาทั้งคู่เป็นผู้เล่นที่มีความสามารถมาก แต่มันเป็นเรื่องโชคร้ายสำหรับ เจมส์ ที่เขาได้รับบาดเจ็บหลายอย่าง ซึ่งทำให้การพัฒนาของเขาต้องชะงักไป”
“นี่จะเป็นปีที่ยิ่งใหญ่สำหรับ เจมส์ เขาพยายามรักษาความฟิต และคุณต้องมีโชคเล็กน้อยกับเรื่องการอารบาดเจ็บเช่นกัน แต่คุณได้เห็นว่า เขาทำงานหนักเพื่อทีมแค่ไหน คุณเห็นคุณภาพของเขา และวิธีที่เขาจ่ายบอลออกไป เขาจ่ายบอลคิลเลอร์พาสได้สุดยอด เขามีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม และสิ่งที่เขาต้องทำให้ได้คือ เล่นด้วยฟอร์มสุดยอดกับ เลสเตอร์ และดูกันว่า เขาจะไปได้ไกลแค่ไหน”
เจมส์ แมดดิสัน จอมทัพชาวอังกฤษ ยอดนักสู้
แมดดิสัน เป็นนักสู้อยู่เสมอ เขาเริ่มต้นอาชีพกับ โคเวนทรี ซิตี้ ด้วยวัยเพียง 17 ปี จากนั้น ก็ย้ายไปเล่นด้วยสัญญายืมตัวกับ นอริช ซิตี้ และ อเบอร์ดีน ในสก็อตแลนด์ ก่อนจะได้ก้าวมาสู่การเป็นผู้เล่นของ เลสเตอร์ เมื่อปี 2018
ริชาร์ด สตีเว่นส์ อดีตโค้ชเยาวชน โคเวนทรี เล่าว่า “เจมส์ ไม่ใช้เด็กที่เก่งที่สุด เขาถูกผลักดันอยู่เสมอ แต่ความสามารถของเขาเป็นสิ่งที่ผมเห็นมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว และอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างที่เขามีในอาชีพการงานของเขาได้หล่อหลอมคนที่เขาเป็นอยู่ทุกวันนี้”
“เขากำลังเล่นอยู่ในทีมท็อป 6 ของพรีเมียร์ลีก และอยู่มา 2 ปีแล้ว อาการบาดเจ็บที่เขาได้รับมาในช่วงเวลาที่เลวร้าย มันทำให้เขาต้องพลาดการติดทมีชาติอังกฤษไปเล่นในศึกยูโร 2020 สำหรับผมคิดว่า มันน่าเสียดายมาก”
หากมีการทดสอบความแข็งแกร่งทางจิตใจ แมดดิสัน นั้นไม่มีปัญหากับเรื่องดังกล่าว สตีเว่นส์ เคยเล่าว่า โคเวนทรี เกือบจะไม่ต่อสัญญากับเขา แต่ดาวเตะชาวอังกฤษก็พิสูจน์ตัวเองจนกระทั่งได้รับสัญญาฉบับใหม่จากสโมสร
สตีเว่นส์ เล่าว่า “เจมส์ เป็นคนท้ายๆที่เราเสนอสัญญาให้ ผมต้องการให้เขารอ เพราะผมรู้ว่า เขาเป็นคนมีความกระหาย แต่ในตลาดทุกวันนี้เราทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว เพราะนักเตะฝีเท้าแบบเขาอาจโดนสโมสรอื่นคว้าตัวไป”
“เขาเป็นคนมีพรสวรรค์ที่เหลือเชื่อ แต่คุณไม่รู้ว่า ฟุตบอลต้องเล่นอย่างไรบ้าง ตอนนั้นมีผู้เล่นอายุน้อยไม่มากนักที่เล่นในระดับทีมชุดใหญ่ มันยากที่จะวัดว่า เขาจะไปได้ไกลแค่ไหน แต่เมื่อเขาได้เล่นกับเรา เขาแดงให้เห็นถึงคุณภาพที่ยอดเยี่ยม”
“อะไรก็ตามที่เข้ามาหาเขา เขาจะก้าวไปพร้อมกับรับมือกับมัน เขามีความยืดหยุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ เขามีทักษะ และความคิดที่เขาสามารถก้าวไปสู่ระดับต่อไปได้เสมอ เขามีความมั่นใจ มันไม่ใช่เรื่องอวดดี เขาแค่เข้าใจว่า เขามีวิธีในการประสบความสำเร็จ คุณเห็นในแนวทางการเล่นของเขาแล้ว คุณแค่ให้บอลกับเขา และหลังจากนั้น เขาจะสร้างสิ่งพิเศษออกมา”