เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมดังแห่ง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต้องพบกับความพ่ายแพ้ถึง 3 จาก 5 เกมหลังสุดในลีก และยังไม่ชนะใครเลยนับตั้งแต่เริ่มปี 2022 เป็นต้นมา ซึ่งทำให้ แบรนเดน ร็อดเจอร์ส เทรนเนอร์ชาวไอร์แลนด์เหนือ กำลังเผชิญความกดดันอย่างหนักเลยทีเดียว
ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เคลาดิโอ รานิเอรี่ โค้ชจอมเก่าชาวอิตาเลียนก็โดนไล่ออกจากตำแหน่งแม้ในซีซั่นก่อนหน้านั้นเขาจะพาพลพรรค “สุนัขจิ้งจอก” สร้างเซอร์ไพรส์หักปากกาเซียนด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างยิ่งใหญ่ก็ตาม
ช่วงเวลาที่ยากลำบากของ แบรนเดน ร็อดเจอร์ส
ขณะเดียวกัน ร็อดเจอร์ส ก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับ รานิเอรี่ หลังจากที่เกมล่าสุดอดีตนายใหญ่ สวอนซี ซิตี้, ลิเวอร์พูล และ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส พา เลสเตอร์ บุกไปพ่ายให้กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส ของ บรูโน่ ลาเก้ เทรนเนอร์ชาวโปรตุเกส
เช่นเดียวกับ รานิเอรี่ ร็อดเจอร์ส เคยพา เลสเตอร์ คว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยเอฟเอ คัพ เมื่อฤดูกาลที่แล้วด้วยการเอาชนะ เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล โค้ชชาวเยอรมัน ในนัดชิงดำไปแบบหวุดหวิด 1-0 พร้อมกับได้รับคำชื่นชมอย่างมาก
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ร็อดเจอร์ส ได้รับการแต่งตั้งจาก อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสร เลสเตอร์ ให้เข้ามาคุมทีมแทน โคล้ด ปูแอล กุนซือชาวฝรั่งเศสที่ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ โดยเจ้าตัวได้อำลา เซลติก เพื่อมายังถิ่น คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม ในช่วงกลางฤดูกาล
ในเวลานี้ เลสเตอร์ รั้งอยู่อันดับที่ 11 ในตารางคะแนน ซึ่ง ร็อดเจอร์ส ก็ยอมรับก่อนพาทีมเดินทางไปเยือน วูล์ฟแฮมป์ตัน ว่า เขากำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนัก และดูเหมือนจะขอร้องกับเจ้าของเพื่อให้ตัวเองมีเวลามากขึ้นในการพาพลพรรค “สุนัขจิ้งจอก” กลับสู่เส้นทางที่ดีอีกครั้ง
ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ร็อดเจอร์ส ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมด้วยการพา เลสเตอร์ จบด้วยอันดับ 5 ในตารางคะแนน และเกือบจะพา “สุนัขจิ้งจอก” คว้าตั๋วไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ แต่ก็พลาดไปในท้ายที่สุด
ปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะหลักส่งผลให้ เลสเตอร์ ผลงานตกลงไป
อดีตโค้ช ลิเวอร์พูล กล่าวว่า “ผมคิดว่า เราได้เริ่มต้นการเดินทางที่นี่ ซึ่งเรายังไม่ถึงจุดสิ้นสุด เราทำงานร่วมกันมาเกือบ 3 ปีแล้ว และเราได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างยิ่งใหญ่พร้อมกัน”
ขณะเดียวกัน ร็อดเจอร์ส ยังกล่าวโทษถึงปัญหาการบาดเจ็บของบรรดานักเตะหลักของ เลสเตอร์ ซึ่งทำให้ทีมทำผลงานได้ไม่สม่ำเสมอในปีนี้ด้วยว่า “ความก้าวหน้าไม่ได้เป็นเส้นตรงเสมอไป มันมีความเหมาะสมตามช่วงเวลาของมัน และคุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักวิเคราะห์ก็พอจะมองออกเมื่อคุณเห็นว่า เราอยู่ที่ไหนในปีนี้ ถ้าคุณดูผู้เล่นของเราที่บาดเจ็บสิ”
เจมี่ วาร์ดี้ กองหน้ามากประสบการณ์ชาวอังกฤษ ต้องพักตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาด้วยอาการบาดเจ็บเอ็นร้อยหวาย ขณะที่ จอนนี่ อีแวนส์ ปราการหลังจอมแกร่งชาวไอร์แลนด์ ก็พักเช่นกันหลังเข้ารับการผ่าตัดเอ็นร้อยหวายในเดือนมกราคม
อย่างไรก็ตาม ปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะ เลสเตอร์ เริ่มต้นขึ้นจริงๆ ก่อนเริ่มฤดูกาลนี้ด้วยซ้ำหลังจาก เวสลีย์ โฟฟาน่า กองหลังชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดของทีมเมื่อซีซั่นที่แล้ว โชคร้ายขาของเขาหักในเกมปรีซีซั่นกระชับมิตรกับ บียาร์เรอัล ในศึกลา ลีกา สเปน
แต่ยังมีคำถามเกี่ยวกับการบริหารทีมของ ร็อดเจอร์ส หลังจากที่เขาตัดสินใจวิจารณ์ลูกทีมตัวเองว่า ขาดความกระหายในชัยชนะหลังจากที่ทำผลงานย่ำแย่ด้วยการแพ้ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ 1-4 ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 เมื่อเดือนต้นกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้สื่อหลายๆสำนักพากันตั้งคำถามเกี่ยวกับการให้สัมภาษณ์ของอดีตโค้ช ลิเวอร์พูล
เลสเตอร์ เป็นทีมที่สามัคคีกันเสมอ และไม่ค่อยมีปัญหาเป็นการภายในหลังจาก รานิเอรี่ พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก จนกระทั่งมาในยุคของ ร็อดเจอร์ส ที่กล้าโจมตีลูกทีมตัวเองผ่านสาธารณะโดยไม่กลัวจะมีปัญหาเลย
อดีตนายใหญ่ ลิเวอร์พูล และ เซลติก ยังมองโลกในแง่ดีว่า “บางครั้งหลังจากที่คุณแพ้เกม แน่นอนว่าคุณต้องผิดหวังกับผลงาน และหงุดหงิด แต่วันนี้ผมมีความกระตือรือร้นอย่างมากกับทีมที่จะกลับมาเล่นด้วยฟอร์มที่ดีอีกครั้ง”
“เราเริ่มเห็นในหลายเกมล่าสุดที่ เลสเตอร์ ของเรากลับมาสู่ระดับการเล่นที่ควรจะเป็น และความคิดสร้างสรรค์ของเราก็ดีขึ้นด้วย ผมภูมิใจในทีมมากในแง่ของผลงานในสนาม และนั่นคือสิ่งที่จะช่วยให้เราได้เพื่อพาเรากลับสู่ระดับที่เราเคยอยู่มา 2-3 ปีที่ผ่านมา”