คาริม เบนเซม่า โคตรดาวยิงแห่งยุค

คาริม เบนเซม่า กองหน้าจอมเก๋าทีมชาติฝรั่งเศสของ เรอัล มาดริด ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึก ลา ลีกา สเปน เปิดเผยถึงบทบาทของตัวเองกับพลพรรค “ราชันชุดขาว” ในยุคที่มี และไม่มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกซุปเปอร์สตาร์ทีมชาติโปรตุเกส

ดาวยิงวัย 34 ปี กล่าวว่า “เมื่อคุณเล่นกับคนที่ทำประตูได้ 50 หรือ 60 ประตูต่อฤดูกาล แน่นอนว่าคุณต้องคอยสนับสนุนเขา เพราะเขาคือคนที่ทำสกอร์ให้กับสโมสรได้มากมาย และผมก็ต้องปรับตัว แต่หลังจาก คริสเตียโน่ ย้ายออกไป ผมก็ต้องปรับตัวเช่นเดียวกัน ดังนั้น ผมต้องเล่นในกรอบเขตโทษมากขึ้น และแสดงให้เห็นว่าผมสามารถสร้างความแตกต่างได้”

 คาริม เบนเซม่า เครื่องจักรถล่มประตูของ เรอัล มาดริด

ในฤดูกาลนี้ อดีตหัวหอก โอลิมปิก ลียง ในลีกเอิง ฝรั่งเศส เป็นกำลังสำคัญในแดนหน้าของ มาดริด และระเบิดฟอร์มสุดยอดด้วยการซัดแฮตทริคใส่ เชลซี ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดแรก เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา

 ขณะเดียวกัน ในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เบนเซม่า ยังทำผลงานได้อย่างสุดยอดด้วยการซัดแฮตทริคใส่ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เช่นกัน ซึ่งมันทำให้เจ้าตัวยิง 3 ประตูในเกมยุกโรปติดต่อกันถึง 2 นัด

เบนเซม่า กำลังอยู่ในฟอร์มที่สุดยอดแม้จะมีปัญหานอกสนามก็ตาม โดยช่วงที่ผ่านมาเขากำลังอุทธรณ์การตัดสินลงโทษในข้อหาแบล็กเมล์เพื่อนร่วมทีมด้วยคลิปวิดิโอ ซึ่งถูกศาลฝรั่งเศสตัดสินว่ามีความผิดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

ผลงานในสนามของกองหน้า มาดริด รายนี้ ทำไปแล้ว 11 ประตูในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลนี้ โดยมีเพียง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ศูนย์หน้าทีมชาติโปแลนด์ของ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค เพียงรายเดียวเท่านั้นที่ทำประตูได้มากกว่าเขาที่ 12 ลูก

เบนเซม่า วัย 34 ปี ใช้เวลาหลายปีภายใต้เงาของ โรนัลโด้ ในถิ่น ซานติเอาโก้ เบอร์นาเบว ในขณะที่เขาเคยเป็นผู้สร้างสรรค์เกมทำให้ “cr7” โดดเด่น แต่ตอนนี้หัวหอกชาวฝรั่งเศสได้กลายเป็นคนสำคัญของ มาดริด ไปเรียบร้อยแล้ว

นับตั้งแต่ โรนัลโด้ ออกจาก มาดริด ไปเล่นกับ ยูเวนตุส ในกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เมื่อซัมเมอร์ปี 2018 นั้น  เบนเซม่า ทำไปแล้ว 77 ประตูจาก 131 นัดให้กับพลพรรค “ราชันชุดขาว” ซึ่งเป็นสถิติตัวเลขที่น่าทึ่งอย่างมาก

เบนเซม่า ทำประตูได้บ่อยครั้งเมื่อมีโอกาส แต่ไม่ควรมองข้ามว่า เขาทำประตูด้วยคุณภาพได้เช่นกัน กองหน้าเฟรนช์แมนสร้างโอกาสการจบสกอร์ในสถานการณ์เป็นไปไม่ได้สำหรับหัวหอกคนอื่นๆทั้งในทางเทคนิค ความเฉียบคม และลูกกลางอากาศ

ก่อนหน้านี้ เบนเซม่า เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักสำหรับจังหวะการจบของเขา โดยเจ้าตัวโดนแฟนบอล มาดริด โจมตีอย่างหนักในปี 2017 หลังเกมที่ “ราชันชุดขาว” เสมอกับ บาเลนเซีย 2-2 ซึ่งตลอดทั้งเกมเขามีโอกาสจะแจ้งถึง 6 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม อดีตกองหน้า ลียง ค่อยๆเรียกฟอร์มการเล่นของตัวองกลับคืนมา ซึ่งการสัมผัสที่ยอดเยี่ยม การควบคุมบอล และการเคลื่อนที่กลายเป็นคุณลักษณะที่โดดเด่นในเกมของเขามาโดยตลอด และตอนนี้เขาใช้มันเพื่อให้เกิดผลลัพธที่ดีมากขึ้นในกรอบเขตโทษ

สถิติแสดงให้เห็นว่า ในฤดูกาล 2017-18 เบนเซม่า สัมผัสบอลได้ถึง 93 ครั้งในเขตโทษของฝ่ายตรงข้าม แต่ในฤดูกาลนี้ เขาสัมผัสบอลไปแล้วถึง 86 ครั้ง โดยเหลือเวลาอีกกว่าหนึ่งเดือนกว่าซีซั่นนี้จะจบลง ซึ่งตัวเลขดังกล่าวมันจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

คาริม เบนเซม่า

ปรับแต่งตำแหน่งการเล่น และบทบาทในสนาม

ก่อนหน้านี้มันเป็นเรื่องปกติที่จะเห็น เบนเซม่า เล่นโดยหันหลังให้กับประตูฝ่ายตรงข้าม และเขาพยายามจะดึงกองหลังคู่แข่งมาเพื่อเปิดทางให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆมีโอกาสเข้าไปทำประตู แต่ตอนนี้เจ้าตัวเก็บบอลโดยหันหน้าเข้าหาประตูบ่อยขึ้น

ในช่วง 4 ปีนับตั้งแต่ โรนัลโด้ จากไป เบนเซม่า ได้เปลี่ยนตำแหน่งการยืนเล็กน้อย โดยขยับมายืนเป็นศูนย์หน้าตัวกลางเต็มตัวให้กับ มาดริด และเขาก็มักจะหาจังหวะเข้าไปจบสกอร์ได้ด้วยตัวเอง หรือเล่นชิงจังหวะกับแนวรับฝ่ายตรงข้าม

ขณะเดียวกัน หนึ่งในจุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ เบนเซม่า คือ ความฉลาดในการเล่นฟุตบอลของเขา เมื่อเขาขยับไปทางซ้าย เขารู้ดีว่า ตัวเองต้องทำอะไรต่อไป และในศึก ลา ลีกา ฤดูกาลนี้ 48% ของการสัมผัสของของเจ้าตัวนั้น มันมาจากทางซ้ายของสนาม

ตำแหน่งการยืนของ เบนเซม่า ยังมีส่วนช่วยให้ วินิซิอุส จูเนียร์ ปีกซ้ายชาวบราซิลพัฒนาฟอร์มการเล่นอย่างมาก หลังดาวเตะแซมบ้ายิงได้ไปแล้วถึง 17 ประตูในทุกการแข่งขันให้กับ มาดริด ในฤดูกาลนี้ และทั้ง 2 ราย ก็มีส่วนช่วยกันทำไปถึง 18 ประตูในลีก

เบนเซม่า จะยืนตรงกลางเพื่อกดดันแนวรับคู่แข่งก่อนที่จะดึงตัวเองลงมาต่ำเพื่อเปิดทางให้ วินิซิอุส ใช้ความเร็วเข้าไปทำประตู ซึ่งทั้ง 2 คนเล่นได้เข้าขารู้ใจเป็นอย่างมากจนทำให้ มาดริด มีเกมรุกที่อันตรายลำดับต้นๆของยุโรป

อดีตหัวหอก ลียง เคยให้สัมภาษณ์ว่า “มีกองหน้าหลายคนที่ไม่ได้สัมผัสบอลเลยระหว่างการแข่งขัน และก็โผล่มาในนาทีที่ 87 และทำประตูได้ และพวกเขาก็มีความสุขมาก โดยส่วนตัวแล้วถ้าผมมีส่วนร่วมกับบอลไม่มาก แต่ผมทำคะแนนได้ในนาทีที่ 90 ผมคิดว่ามันแย่มากๆ”

นี่คือคำพูดของ เบนเซม่า จากปี 2017 และถึงแม้เขาจะพัฒนาขึ้นอย่างมากในฐานะผู้ทำประตูในช่วง 5 ปีนับแต่นั้นเป็นต้นมา แต่แก่นแท้ของคำพูดเหล่านั้นก็ยังคงแสดงให้เห็นถึงการเล่นฟุตบอลของเขามาจนถึง ณ เวลานี้

เบนเซม่า  ยังคงเป็นศูนย์กลางในแนวรุกของ มาดริด โดยเกมยุโรปกับ เชลซี ทั้ง 2 เลก เจ้าตัวก็แสดงให้เห็นแล้วว่า มีอิทธิพลกับทีมมากเพียงใด และเขาก็ไม่ได้เป็นเพียงผู้ทำประตูสูงสุดของ ลา ลีกา ในฤดูกาลนี้ แต่ยังทำแอสซิสต์ไปแล้วถึง 11 ครั้ง

เบนเซม่า ยังคงรักษาสไตล์การเล่นกองหน้าจอมถล่มประตูที่คอยสร้างสรรค์เกมไว้ได้อย่างต่อเนื่อง และดึงสิ่งที่ดีที่สุดจากเพื่อนร่วมทีมของเขาออกมา และตอนนี้คงไม่เกินเลยไปที่จะบอกว่า ดาวเตะวัย 34 ปี เป็นหนึ่งในดาวยิงที่ดีที่สุดในโลก

, , , , , ,