ทุกฤดูกาลใน วงการฟุตบอลต่างประเทศ และโดยเดยเฉพาะอย่างยิ่งในลีกสูงสุดอังกฤษนั้น จะมี ดาวรุ่งฝีเท้าดี หลายๆคนก้าวขึ้นมาแข้งเกิดกับทีมชุดใหญ่ได้อย่างน่าประทับใจ และกลายเป็นผู้เล่นชั้นนำในเวลาต่อมา
5 ดาวรุ่ง จากศึกพรีเมียร์ลีกเหล่านี้ ได้รับการคาดหมายว่า พวกเขาจะแจ้งเกิดเขย่าวงการฟุตบอลอังกฤษในซีซั่นนี้ ซึ่งหลายๆคนเป็นชื่อที่พวกเราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว
1. โฟลาริน บาโลกัน ( ดาวรุ่งฝีเท้าดี สังกัด อาร์เซน่อล)
สาวก “เดอะ กันเนอร์ส” หลายคนต่างรอคอยให้กองหน้าดาวรุ่งมากพรสวรรค์ในอคาเดมที่อย่าง บาโลกัน ได้มีโอกาสแจ้งเกิดกับทีมชุดใหญ่บ้างหลังจากที่ดาวยิงวัย 20 ปี ถูกคาดหมายว่า จะก้าวข้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมในอนาคต
ขณะเดียวกัน จากการที่ กาเบรียล มาร์ติเนลลี หัวหอกชาวบราซิลวัย 20 ปี และ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ศูนย์หน้าดาวรุ่งชาวอังกฤษอีกรายฟอร์มยังไม่แน่นอนนักมันก็ทำให้โอกาสของ บาโลกัน ในฤดูกาลใหม่นี้ค่อนข้างเปิดกว้างมากทีเดียว
เมื่อซีซั่นที่แล้ว บาโลกัน ลงเล่นให้ อาร์เซน่อล ไปรวมทุกรายการ 6 เกม ซัดไป 2 ประตู และเมื่อเดือนเมษยนที่ผ่านมา เจ้าตัวเพิ่งจรดปากกาขยายสัญญาฉบับใหม่กับ “ไอ้ปืนใหญ่” ไปอีก 4 ปี ซึ่งหมายความว่า มิเกล อาร์เตต้า กุนซือชาวสเปนมองว่า เขาจะเป็นอนาคตของทีมอย่างแน่นอน
2. เลียม ดีแลป (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
การจากไปของ เซอร์คิโอ อเกวโกร่ หัวหอกอาร์เจนไตน์หมายความว่า แมนฯ ซิตี้ จะเข้าสู่ฤดูกาลหน้าโดยมี กาเบรียล เฆซุส ดาวยิงแซมบ้าเป็นกองหน้าตัวหลักให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์ “เรือใบสีฟ้า” เลือกใช้งานเพียงรายเดียว
ในฤดูกาลที่ผ่านมา กวาร์ดิโอล่า พยายามใช้นักเตะตัวรุกอย่าง เฟร์ราน ตอร์เรส และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ขยับไปทำหน้าที่เป็นกองหน้าตัวกลางแต่ก็มันก็ไม่ใช่ธรรมชาติของทั้งคู่ ขณะข่าวกับ แฮร์รี่ เคน หัวหอก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก็ยังไม่มีความคืบหน้า
ดีแลป จึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งของ กวาร์ดิโอล่า โดยดาวยิงวัย 18 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของโรลี่ ดีแลป อดีตนักเตะ สโต๊ค ซิตี้ นั้น ย้ายจาก ดาร์บี้ เคาน์ตี้ มาเล่นกับทีมเยาวชนของ แมนฯ ซิตี้ เมื่อปี 2018 พร้อมฝากผลงานซัดให้ทีมชุดยู 23 ของ “เรือใบสีฟ้า” ไปถึง 20 ประตูเมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ดีแลป ยังมีโอการประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของ แมนฯ ซิตี้ ในเกมคาราบาว คัพ กับ บอร์นมัธ เมื่อซีซั่นก่อน และเจ้าตัวก็ทำประตูได้ด้วย ดังนั้น เขาอาจเป็นตัวเลือกที่ กวาร์ดิโอล่า มองหาอยู่ก็เป็นได้
3. อาหมัด ดิยาโล่ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
ไม่ได้หมายความว่า โอกาสของ ดิยาโล่ ที่ย้ายมจาก อตาลันต้า ด้วยค่าตัว 19 ล้านปอนด์เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาจะลดน้อยลงไปแต่อย่างใด
ดิยาโล่ ทำผลงานให้กับทีมชุดสำรองของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในปีที่ผ่านมาได้อย่างโดดเด่น เขาเป็นตัวรุกสมัยใหม่ที่มีความเร็วจัด เทคนิคดี และเข้าใจเกมอย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ ดาวเตะวัย 19 ปี ยังสามารถเล่นได้ริมเส้นทั้ง 2 ฝั่งอีกด้วย
ตัวรุกชาวไอวอรี่ โคสต์ มีโอกาสสัมผัสเกมกับทีมชุดใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปรวมทุกรายการ 8 เกม ซัดไป 1 ประตู และในฤดูกาลใหม่นี้ ดิยาโล่ จะเป็นกำลังเสริมชั้นดีให้กับ “ปีสาจแดง” อย่างแน่นอน
4. ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ (ลิเวอร์พูล)
แฟนบอลหลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อของ เอลเลียตต์ มานานแล้ว แต่นั่นเป็นเพราะเขาได้เปิดตัวในพรีเมียร์ลีกให้กับอดีตต้นสังกัดเก่าอย่าง ฟูแล่ม ในปี ด้วยวัย 16 ปี 30 วัน ในฤดูดาล 2018-2019 ก่อนจะย้ายมาเล่นกับ ลิเวอร์พูล
เมื่อปีที่แล้ว เอลเลียตต์ ย้ายจากถิ่นแอนฟิลด์ไปเล่นกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ด้วยสัญญายืมตัว และทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจให้พลพรรค “กุหลาบไฟ” หลังซัดไป 7 ประตู และทำ 11 แอสซิสต์ จาก 42 เกม
เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ ลิเวอร์พูล เรียกตัว เอลเลียตต์ กลับมาร่วมซ้อมกับทีมชุดใหญ่ในช่วงปรีวีซั่นนี้เรียบร้อยแล้ว และดูเหมือนว่า ดาวเตะวัย 18 ปี จะทำผลงานได้เป็นที่น่าประทับใจอย่างมากกับบทบาทมิดฟิลด์ตัวรุก
เอลเลียตต์ น่าจะมีบทบาทมากขึ้นในทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลหน้าในบทบาทแบ็คอัพของ 3 ตัวรุกอย่าง โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่
5. บิลลี่ กิลมัวร์ (ดาวรุ่งฝีเท้าดี นอริช ซิตี้ ยืมตัวมาจาก เชลซี)
มิดฟิลด์ทีมชาติสก็อตแลนด์ย้ายจาก เชลซี ไปเล่นกับ นอริช ด้วยสัญญายืมตัวในซัมเมอร์นี้เพื่อหาโอกาสการลงสนามเป็นตัวจริงในศึกพรีเมียร์ลีก และจากฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของเขาในศึกยูโร 2020 ที่ผ่านมาก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า กิลมัวร์ เป็นหนึ่งในดาวรุ่งมากพรสวรรค์ของยุคนี้
สถานการณ์ที่ เชลซี นั้น ดาวเตะวัย 20 ปี มีบรรดาแข้งชุดใหญ่อย่าง จอร์จินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ มาเตโอ โควาซิช คอยขวางหน้าอยู่จึงทำให้เขาไม่มีโอกาสเท่าที่ควร และต้องย้ายไปยัง นอริช ที่มี ดาเนียล ฟัลเก้ โค้ชชาวเยอรมันคุมทีม
กิลมัวร์ เคยลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ เชลซี ไปแล้วรวมทุกรายการ 22 เกม ซึ่งการย้ายไปยัง นอริช นั้น ก็เพื่อเพิ่มประสบการณ์ในสนาม ก่อนเจ้าตัวจะกลับไปท้าทายตำแหน่งตัวจริงในแดนกลางของ “สิงโตน้ำเงินคราม” ในอนาคต