ปาทริค วิเอร่า กับเส้นทางสู่กุนซือ พาเลซ

การพ่ายแพ้เพียง 2 เกมในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ และชัยชนะเหนือ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 ทีมดังแห่ง วงการฟุตบอลต่างประเทศ มันเป็นเรื่องที่ยุติธรรมที่จะบอกว่า ปาทริค วิเอร่า กุนซือชาวฝรั่งเศสทำผลงานได้น่าประทับใจกับ คริสตัล พาเลซ

หลังจากเข้ามารับช่วงต่อจาก รอย ฮ็อดจ์สัน ที่ พาเลซ มีเพียงไม่กี่คนที่คาดหวังให้อดีตกัปตันทีม อาร์เซน่อล ทำผลงานได้ดีกับพลพรรค “ดิ อีเกิ้ลส์” แต่ วิเอร่า กลับทำลงานได้ดีเกินคาด และพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า เขายอดเยี่ยมเพียงใด

เส้นทางสู่กุนซือของ ปาทริค วิเอร่า

หลังจากแขวนสตั๊ดในปี 2011 กับ แมนฯ ซิตี้ วิเอร่า ก็เข้ารับหน้าที่เป็นทูตของสโมสร แต่หลังจากที่เขาได้พบกับ ไบรอัน มาร์วูด อดีตนักเตะ อาร์เซนอล และ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ซึ่งตอนนั้นทำงานเป็นเจ้าหน้าที่บริหารฟุตบอล “เรือใบสีฟ้า” ความคิดเขาก็เปลี่ยนไป

วิเอร่า เล่าว่า “เมื่อผมเลิกเล่นฟุตบอล ผมไม่รู้ว่า ตัวเองจะเดินไปทางไหน ผมโชคดีที่มี ไบรอัน มาร์วูด อยู่ข้างๆ และคอยแนะนำ และเปิดใจในด้านการบริหารจัดการ เขาผลักดันให้ผมใช้เวลากับเด็กๆ ในอคาเดมี่ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และยิ่งผมใช้เวลาที่นั่นมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรักการอยู่ใกล้ๆ กับผู้เล่นมากขึ้นเท่านั้น ผมตกหลุมรักงานนี้”

หลังจากตัดสินใจจะเป็นผู้จัดการทีม วิเอร่า ก็ได้รับคำแนะนำจาก มาร์เซล เดไซญี อดีตเพื่อนร่วมทีมชาติฝรั่งเศส และอดีตกองหลังของ เชลซี ให้มุ่งหน้าไปยัง ดราก้อน พาร์ค ซึ่งสถานที่ฝึกอบรมด้านโค้ชที่ประเทศเวลส์

ในปี 2013 วิเอร่า ก็เดินทางไปที่ศูนย์พัฒนาฟุตบอลแห่งชาติของเวลส์เพราะเขารู้สึกว่ามีสภาพแวดล้อมที่รู้สึกสะดวกสบายในการเรียนรู้ ซึ่งทุกคนที่นี่จะได้รับการปฏิบัติเหมือนกันหมด และไม่มีใครได้สิทธิพิเศษแม้จะเป็นนักเตะชื่อดังมาก่อนก็ตาม

วิเอร่า มีเพื่อนร่วมชั้นเรียนชื่อดังมากมายอย่าง เธียร์รี่ อองรี อดีตกองหน้าเพื่อนร่วมทีม อาร์เซน่อล, เคร็ก เบลลามี่ อดีตดาวยิงทีมชาติเวลส์ของ ลิเวอร์พูล และ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ผู้จัดการทีมชาติเบลเยี่ยมคนปัจจุบัน

เคร็ก แฮร์ริสัน อดีตกองหลัง พาเลซ เพื่อนร่วมชั้นเรียนกับ วิเอร่า กล่าวว่า“ปาทริค เคยเป็นนักเตะที่ดุดันมากๆ เขาเป็นคนตัวใหญ่ และมองดูน่ากลัวมาก เพราะขนาดร่างกายของเขา แต่เขาเป็นคนดีจริงๆเขาพูดเบามาก เขาเป็นคนเงียบ เขาไม่ก้าวร้าวมากเกินไปเมื่อเขากำลังเรียนหรือเมื่อเขาพูดกับคนอื่นๆ

 “เขาเป็นคนมีระเบียบในสิ่งที่เขาพยายามจะทำ เขาเป็นคนช่างคิด ซึ่งหลายคนจะได้เห็นในช่วงที่เขาเล่นต่อสู้กับ รอย คีน ในสนาม แต่นอกสนามเขาไม่ใช่คนแบบนั้นเลย เขาเป็นคนที่รักครอบครัว มีความรู้เกี่ยวกับฟุตบอลมาก เขาหมกมุ่นอยู่กับมัน และผมคิดว่าถ้าคุณจะขึ้นไปบนจุดสูงสุด คุณต้องหมกมุ่นอยู่กับมันแบบเขา”

ในเดือนพฤศจิกายนปี 2015 วิเอร่า เริ่มงานแรกกับ นิวยอร์ค ซิตี้ ในศึกเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ สหรัฐฯ ซึ่งที่นั่นทำให้อดีตกองกลาง อาร์เซน่อล ได้ร่วมงานกับนักเตะดังอย่าง อันเดรีย ปิร์โล่, ดาวิด บีย่า และ แฟรงค์ แลมพาร์ด

อีธาน ไวต์ อดีตนักเตะ นิวยอร์ค ซิตี้ กล่าวถึง วิเอร่า ว่า“อย่างที่คุณเห็นตอนนี้ที่ผู้เล่นของ พาเลซ ซึมซับแนวทางของเขาอย่างรวดเร็ว เขาได้ความเคารพอย่างมากจากลูกทีมทุกคน เขาเป็นเหมือนเพื่อน และยังเป็นเจ้านายที่ดีด้วย”

อย่างไรก็ตาม วิเอร่า เป็นคนเข้มงวดเช่นกัน โดย ไวต์ ซึ่งเคยมาซ้อมสายจากการจราจรติดขัด และโดนดร็อปทันที เล่าว่า “เขาเป็นเจ้านายที่เข้มงวดในเวลาที่เหมาะสม และอ่อนตัวในเวลาที่เหมาะสมเช่นกัน ผมเข้าใจว่าเขามีกฎเกณฑ์อยู่แล้ว และคุณก็เคารพในสิ่งนั้น”

ประสบความสำเร็จที่ นิวยอร์ก แต่มีปัญหากับ นีซ

วิเอร่า ทำผลงานได้ดีที่ นิวยอร์ค โดยพาสโมสรขึ้นไปรั้งอยู่อันดับที่ 4 ในฤดูกาลแรกที่คุมทีม จากนั้น ในปี 2018 เทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศสก็ย้ายกลับไปคุม นีซ ในบ้านเกิด แต่เขาก็ต้องเจอสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างหนัก

กุญแจสำคัญในการตัดสินใจรับตำแหน่งที่ นีซ คือ ประธานสโมสร ฌอง-ปิแอร์ ริเวียร์ และ จูเลียน โฟร์เนียร์ ผู้อำนวยการด้านกีฬา ซึ่งทำงานอย่างหนักเพื่อโน้มน้าวให้ วิเอร่า เข้ามาคุมทีม แต่สโมสรมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของทีม และ วิเอร่า ก็ต้องรับมือกับนโยบายใหม่

แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงภายในสโมสร แต่ วิเอร่า ก็ยังพา นีซ จบฤดูกาลด้วยอันดับ 7 ในฤดูกาลแรกของตัวเอง ซึ่งเป็นอันดับดีกว่าเดิมก่อนที่อดีตกัปตัน อาร์เซน่อล จะเข้ามาทำงาน แบะปีต่อมาเขาก็พาทีมจบอันดับ 5

อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลที่ 3 นั้น วิเอร่า พาทีมแพ้ 5 เกมในช่วงต้นซีซั่นทำให้บอร์ดสโมสรตัดสินใจปลดเขาออกจากตำแหน่งในเดือนธันวาคมปี 2020 และเขาก็ว่างงานนับตั้งแต่ตอนนั้นมา

ปาทริค วิเอร่า กับทีมที่เหมาะสมอย่าง พาเลซ

ทันทีที่ วิเอร่า ได้รับแต่งตั้งให้ผู้จัดการทีม พาเลซ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เขามั่นใจว่ามีคนรอบตัวเขาที่เขาไว้วางใจ และเชื่อมั่นอีกครั้ง โดย โอเซียน โรเบิร์ตส์ ผู้อำนวยการด้านเทคนิคของสมาคมฟุตบอลแห่งเวลส์ ก็ถูกแต่งตั้งให้เข้ามาเป็นมือขวาของเขา

วิเอร่า จัดการแก้ปัญหามากมายที่ พาเลซ เริ่มจากการปล่อยนักเตะที่ไม่ได้ขยายสัญญาออกไปถึง 12 ราย พร้อมดึงแข้งสายเลือดใหม่อย่าง มาร์ค เกฮี, คอนนอร์ กัลลาเกอร์ และ โจอาคิม อันเดรสเซ่น เข้ามาเสริมทัพ

ขณะเดียวกัน พาเลซ กลายเป็นทีมที่พัฒนาขึ้น และแข็งแกร่งอย่างมากภายใต้การคุมทีมของ วิเอร่า ส่วนนักเตะอย่าง กัลป์ลาเกอร์ ก็แจ้งเกิดได้อย่างสุดยอดหลังระเบิดฟอร์มซัดไปแล้ว 4 ประตู จากการลงสนาม 10 เกมในพรีเมียร์ลีก

ตั้งแต่วันแรกที่ วิเอร่า เดินเข้ามาที่ พาเลซ จนถึงวันนี้ พิสูจน์แล้วว่า ตัวเองเป็นึนที่เหมาะสมอย่างมากมากสำหรับพลพรรค “ดิ อีเกิ้ลส์” และบางทีเขาอาจเป็นการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดของสโมสรในซัมเมอร์ที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้