ยุคทองของ เลสเตอร์

“สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ สโมสรดังแห่ง วงการฟุตบอลต่างประเทศ เคยสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของทีมเมื่อฤดูกาล 2015-2016 และจนถึงตอนนี้พวกเขากลายเป็นทีมที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง

เลสเตอร์ ภายใต้การคุมทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือเพิ่งทำผลงานยอดเยี่ยมด้วยการโค่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว 1-0 ในศึกคอมมิวนิตี้ ชิลด์ ที่สนามเวมบลีย์เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา และเป็นการเข้าชิงถ้วยรายการนี้หนที่ 2 ในรอบ 6 ปีของสโมสร

ขณะเดียวกัน ร็อดเจอร์ส ก็พา เลสเตอร์ คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ สำเร็จเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา นอกจากนี้ “สุนัขจิ้งจอก” ยังจบซีซั่นด้วยอันดับท็อปไฟว์ 2 ปีติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปี ของสโมสรอีกด้วย ซึ่งบ่งบอกได้ว่า พวกเขากำลังเดินทางถูกทางแล้วในการก้าวขึ้นมาเป็นทีมระดับแนวหน้าของวงการฟุตบอลอังกฤษ

“สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้

การปฏิวัติในถิ่น คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม

ภาพที่กองเชียร์ เลสเตอร์ เฉลิมฉลองกันอย่างเต็มที่หลังทีมรักเอาชนะ เชลซี ในนัดชิงฯ เอฟเอ คัพ เมื่อฤดูกาลที่แล้วยังคงอยู่ในควาทรงจำของหลายๆคนหลังจากที่ก่อนหน้านี้ “สุนัขจิ้งจอก” เข้าชิงฯ 4 ครั้ง และต้องพบความผิดหวังทั้งหมด

อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสร เลสเตอร์ หลับตาลง และก้มหน้าก้มกราบถ้วย เอฟเอ คัพ เพื่อสื่อถึงคุณพ่อ วิชัย ศรีวัฒนประภา ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อปี 2018

แหล่งข่าวคนหนึ่งซึ่งติดตาม เลสเตอร์ มาตลอดเล่าว่า “จริง ๆ แล้วพวกเขาเป็นสโมสรที่เงียบๆ และทุกคนในสโมสรสนิทสนมกันมากๆ บางทีนั่นอาจเป็นเรื่อง ปริศนาของ เลสเตอร์ ซิตี้ และวิธีที่พวกเขาจัดการทีมเพื่อผลักดันการเข้าไปอยู่เป็นท็อปโฟร์”

เลสเตอร์ ใช้เงินไปมากถึง 95 ล้านปอนด์ ในการปรับปรุงสนามซ้อมแห่งใหม่ใกล้ Seagrave ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองไปทางเหนือไม่กี่ไมล์ โดยมีสนาม 14 สนาม มีไฟส่องสว่าง มี 500 ที่นั่ง มีห้องออกกำลังกาย ห้องวารีบำบัด และสนามกอล์ฟ 9 หลุม

นอกจากนี้ เลสเตอร์ ยังสร้างในโรงแรมในศูนย์ฝึกซ้อมที่มีห้องพักจำนวน 30 ห้อง ซึ่งสามารถใช้ในช่วงพักเบรกระหว่างการฝึกซ้อมในช่วงพรีซีซัน หรือสำหรับการพักค้างคืนเพื่อลดเวลาเดินทาง รวมถึงเพื่อการพักผ่อนก่อนการแข่งขันที่สำคัญอีกด้วย

ขณะเดียวกัน ในศูนย์ฝึกซ้อมดังกล่าวยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสื่อ ซึ่งใช้สำหรับการแถลงข่าวขนาดย่อยๆของทีม และเปิดให้สื่อมวลชนเข้ามาทำข่าวในบางโอกาส

“สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้

“สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เลสเตอร์ เพิ่งประกาศแผนการเพิ่มความจุที่สนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ออกไปเป็น 40,000 ที่นั่งเพื่อรองรับแฟนบอล และเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับสโมสรในยุคใหม่

นับตั้งแต่เดือนกันยายนในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา  เลสเตอร์ อยู่ในท็อปโฟร์มาตลอด แต่น่าเสียดายที่ 2 เกมสุดท้ายพวกเขาต้องหลุดออกจากตำแหน่ง และหมดโอกาสคว้าตั๋วไปเล่นในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี่ยนส์ ลีก ไปอย่างน่าเสียดาย

หลังคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2016 เลสเตอร์ ขายผู้เล่นคีย์แมนออกไปหลายคนอาทิ เอ็นโกโล่ ก็องเต้, แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์, ริยาด มาห์เรซ, แฮร์รี่ แมคไกวร์ และ เบ็น ชิลเวลล์ แต่ในซัมเมอร์นี้ พวกเขายังไม่ขายผ็เล่นคนใดออกไปเลยแม้จะมีข่าวลือว่า เจมส์ แมดดิสัน จอมทัพตัวเก่งกำลังได้รับความสนใจจากหลายทีมก็ตาม

ร็อดเจอร์ส กล่าวว่า “ผมนอนไม่หลับเลยเพราะเรื่องข่าวลือต่างๆ และการซื้อ-ขายนักเตะ แต่ผมคิดว่า มันเป็นธรรมชาติในช่วงเวลานี้ของฤดูกาล”

เลสเตอร์

เป้าหมายในระยะยาว “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้

ร็อดเจอร์ส มีเรื่องอื่นๆ อยู่ในหัวของเขามากมาย และล่าสุดเจ้าตัวก็เพิ่งปฏิเสธความสนใจจาก “กาเดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ที่จะดึงตัวไปคุมทีมเมื่อต้นซัมเมอร์ที่ผ่านมา และมุ่นมั่นทำงานหนักกับ เลสเตอร์ ต่อไป

นายใหญ่ไอริช กล่าวว่า “ผมเข้ามาอยู่ที่นี่ 2 ปีครึ่งแล้ว และรักทุกวินาทีที่สโมสรแห่งนี้ เราต้องทำงานหนักกันต่อไป นั่นเป็นสิ่งสำคัญ คุณสามารถทำงานอย่างสบายใจหลังจากคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาแล้ว แต่เราไม่อาจปล่อยให้ความสำเร็จทำให้หลงระเริงได้ เพราะไม่รู้ว่าในฤดูกาลใหม่อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง”

บางคนบอกว่า ร็อดเจอร์ส มีรอยแผลจากประสบการณ์ของเขากับอดีตทีมเก่าอย่าง ลิเวอร์พูล หลังเกือบพา “หงส์แดง” คว้าแชมป์สำเร็จในปี 2014 แต่สุดท้ายก็พลาดเสียแชมป์ให้กับ แมนฯ ซิตี้ ไปอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตาม หลังอำลา ลิเวอร์พูล ร็อดเจอร์ส ก็ย้ายไปคุม กลาสโกว์ เซลติก และพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จถึง 2 สมัย ก่อนจะกลับมาพิสูจน์ตัวเองในอังกฤษอีกครั้งกับ เลสเตอร์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 จนถึงตอนนี้ และหลายคนมองว่า เขาเป็นโค้ชที่ดีที่สุดในยุคปัจจุบันที่เกิดในสหราชอาณาจักร

แมตต์ ไปเปอร์ อดีตผู้เล่น ของเลสเตอร์ และกำลังทำงานเป็นโค้ชทีมเยาวชนกล่าวถึง ร็อดเจอร์ส ว่า “ผมสนิทสนมกับเด็ก ๆ บางคน และพวกเขาบอกว่า ร็อดเจอร์ส ยอดเยี่ยมมากๆ เขาทำงานกับดาวรุ่งได้ดีจริงๆ เขาช่วยพัฒนาการเล่นเด็กๆเหล่านั้น”

“เขามีความทะเยอทะยานสูง ผมรู้ดีว่า เบรนแดน เป็นคนดีจริงๆ เขามีอีโก้เล็กน้อย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดี เขาเชื่อจริงๆ ว่า ตัวเองเป็นโค้ชระดับท็อปที่สามารถไปคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้”

, , , , , ,

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *