เควิน เดอ บรอยน์ โคตรแข้งอันเดอร์เรต

มันคงไม่ใช่เรื่องกล่าวเกินเลยไปที่ว่า เควิน เดอ บรอยน์ มิดฟิลด์ทีมชาติเบลเยียมของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมดังแห่ง วงการฟุตบอลยุโรป เป็นนักเตะที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกหลังจากที่เจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมมาตลอด 4 ปีหลังสุดให้กับพลพรรค “เรือใบสีฟ้า”

4 ฤดูกาลล่าสุดที่ เดอ บรอยน์ ลงรับใช้ แมนฯ ซิตี้ นั้น เขาทำแอสซิสต์ไปถึง 18, 16, 20 และ 12 ครั้งตามลำดับ และยังสามารถบัญชาการเกมรุกจากกลางสนามได้อย่างยอดเยี่ยมจนเป็นหัวใจสำคัญของทีแบบไม่มีใครกล้าปฏิเสธ

เควิน เดอ บรอยน์

เควิน เดอ บรอยน์ คว้ารางวัล (PFA)

หลังจากที่พา แมนฯ ซิตี้ ภายใต้การนำของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยอดกุนซือชาวสเปนคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่แล้ว เดอ บรอยน์ ก็ได้รับเลือกเป็นผู้เล่นแห่งปีของสมาคมนักเตะ​อาชีพอังกฤษ (PFA) ประจำปีดังกล่าวอีกด้วย

นักวิจารณ์กหลายคนมองว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์ลีกเมื่อซีซั่นล่าสุดนั้นเป็นเพราะการเข้ามาของ รูเบน ดิอาส ปราการหลังทีมชาติโปรตุเกสที่ย้ายมาจาก เบนฟิก้า และช่วยให้ “เรือใบสีฟ้า” มีเกมรับที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างชัดเจน รวมถึงกระตุ้นให้ จอห์น สโตนส์ กองหลังทีมชาติอังกฤษคืนฟอร์มเก่งอีกครั้ง

นอกจากนี้ อีกปัจจัยหนึ่งคือ ฟอร์มการเล่นอันสุดยอดของ อิลคาย กุนโดกัน กองกลางทีมชาติเยอรมันกับบทบาท FALSE9 ที่ยิงไปถึง 11 ประตู และซัดประตูสำคัญในเกมใหญ่ที่ แมนฯ ซิตี้ พบกับ เชลซี, ลิเวอร์พูล และ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์

สื่อมวลชนเมืองผู้ดีหลายคนเทคะแนนให้ ดิอาส เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งทำให้แนวรับชาวโปรตุกีสกลายเป็นกองหลังรายล่าสุดที่ได้รางวัลดังกล่าวหลังจาก สตีฟ นิโคล ตำนานปราการหลัง ลิเวอร์พูล ที่เคยรับรางวัลมาแล้วเมื่อปี 1980

เควิน เดอ บรอยน์

อิทธิพลต่อทีม

อย่างไรก็ตาม คนที่มีอิทธิพลของ แมนฯ ซิตี้ มากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมาคงหนีไม่พ้น เดอ บรอยน์ ที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในทีมเปรียบเสมือน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มิดฟิลด์กัปตันทีม ลิเวอร์พูล ชุดคว้าแชมป์เมื่อปี 2019-2020

แม้ในปีฤดูกาล 2019-2020 แมนฯ ซิตี้ จะเป็นเพียงรองแชมป์โดยมีแต้มห่าง ลิเวอร์พูล ถึง 18 คะแนน แต่ความสุดยอดของ เดอ บรอยน์ ในฐานะฟอร์มส่วนตัวก้ทำให้เขาได้รับรางวัล (PFA) ไปครองได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งทำให้ ดาวเตะวัย 29 ปี ได้รางวัลดังกล่าวเป็นหนที่ 2 แล้ว

เดอ บรอยน์ ไม่ใช่นักเตะที่ชอบโชว์ตัวเองผ่านสื่อสังคมออนไลน์มากนักจึงทำให้เขาไม่ได้รับความสนใจบนหน้าหนังสือพิมพ์มากเท่ากับนักฟุตบอลซุเปอร์สตาร์คนอื่นๆ แต่ฟอร์มในสนามของเขานั้น พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นถึงคุณภาพเป็นอย่างดี

ตลอด 6 ฤดูกาลกับ แมนฯ ซิตี้ นั้น เดอ บรอยน์ ลงเล่นไปมากกว่า 260 เกม ซัดไปเกิน 60 ประตู และแอสซิสต์อีกนับไม่ถ้วน พร้อมกับพาพลพรรค “เรือใบสีฟ้า” กวาดแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย และฟุตบอลถ้วยลีก คัพ 5 สมัย

จากผลงานที่กล่าวมาทั้งหมด และฟอร์มการเล่นส่วนตัวของ เดอ บรอยน์ รวมถึงอิทธิพลของเขาที่มีในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้น มันคงไม่ใช่เรื่องที่กล่าวเกินเลยไปที่จะบอกว่า กองกลางทีมชาติเบลเยียมคนนี้ เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยุคปัจจุบัน

, , , , , , ,

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *