เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ ของ เลสเตอร์ ซิตี้ สโมสรดังแห่ง วงการฟุตบอลต่างประเทศ กล่าวถึงการสร้างความคิดเพื่อชัยชนะในการลงสนาม และปัจจัยต่างๆของพลพรรค “สุนัขจิ้งจอก” ที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จในอนาคต
ร็อดเจอร์ส กล่าวหลังเกมที่ เลสเตอร์ เอาชนะ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 คว้าแชมป์ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ที่สนามเวมบลีย์ เมื่อวันเสาที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า “ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงทางความคิดของลูกทีมทุกคน
“ตอนนี้ผู้เล่นของเราไม่แปลกใจแล้วเมื่อเราเอาชนะหนึ่งในสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษได้ มันจะเป็นความท้าทายเสมอสำหรับสโมสรอย่าง เลสเตอร์ แต่เป้าหมายของเราคือ การสร้างรากฐานที่มั่นคงเพื่อก้าวไปสู่การเป็นทีมระดับท็อปของลีก และอยู่จุดนั้นให้ได้ ซึ่งมันเป็นงานที่ท้าทายมาก”
ใน 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา เลสเตอร์ อยู่ในอันนดับท็อปโฟร์ของศึกพรีเมียร์ลีกนานกว่าทีมอื่นๆ และมีโอกาสสูงมากที่จะคว้าตั๋วไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่น่าเสียดายที่พวกเขาทำไม่สำเร็จ และต้องพลาดโควต้าถ้วยใหญ่ยุโรปไปแบบหวุดหวิด
อย่างไรก็ตาม ร็อดเจอร์ส มองว่า การคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และการคว้าแชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ในปีนี้ มันเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า เลสเตอร์ เดินมาถูกทางแล้ว และจะสามารถต่อยอดความสำเร็จได้
โค้ชวัย 48 ปี กล่าวว่า “เราได้พยายามสร้างทีมที่มีการแข่งขันสูง และสามารถเล่นฟุตบอลในแบบฉบับของตัวเอง แต่ทีมของเรายังขาดประสบการณ์ และกำลังพัฒนา ผมคิดว่า การคว้าแชมป์ 2 รายการที่ผ่ามา มันทำให้นักเตะของเรามองย้อนกลับไปถึงเกียรติยศที่พวกเขาได้รับ”
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ รับมือกับการเสียนักเตะคนสำคัญ
ในช่วงปรีซีซั่นที่ผ่านมา เลสเตอร์ ต้องเจอกับข่าวร้ายหลังจาก เวสลีย์ โฟฟาน่า กองหลังตัวเก่งได้รับบาดเจ็บในเกมอุ่นเครื่องกับ บียาร์เรอัล และต้องพักยาวหลายเดือนแต่สำหรับ ร็อดเจอร์ส เขาก็พร้อมจะรับมือกับปัญหาดังกล่าว
“เห็นได้ชัดว่า การสูญเสียผู้เล่นที่เจอกับอาการบาดเจ็บในเกมกระชับมิตรนั้นร้ายแรงสำหรับเรามากๆ และมันโชคร้ายสำหรับตัวผู้เล่นเอง เวสลีย์ ทำได้ดีมากในช่วงปรีซีซั่น และเขาก็ตั้งตารอคอยการเริ่มต้นฤดูกาลกับเรา เราทุกคนหวังว่า เวสลีย์ จะได้รับการรักษา และฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว”
ขณะเดียวกัน การที่ โฟฟาน่า บาดเจ็บยาวนั้น ทำให้ เลสเตอร์ ต้องปรับแผนงานโครงสร้างขุมกำลังแนวรับของพวกเขาอีกครั้ง โดยในเกมกับ แมนฯ ซิตี้ พวกเขาใช้ แดเนียล อมาร์ตีย์ และ คักลาร์ โซยุนคู ยืนคู่กัน ส่วน จอนนี่ อีแวนส์ กองหลังจอมเก๋าอีกคนก็ยังไม่สมบูรณ์
“ผมคิดว่า เราจะจัดการกับมันได้ มันเป็นพื้นที่ที่เรามีตัวเลือกน้อยลง จอนนี่ ก็ต้องใช้เวลาในการเรียกความฟิตจากการบาดเจ็บที่ข้อเท้า และเราต้องเล่นไปอีกหลายเกมตลอดฤดูกาลใหม่นี้ เราจำเป็นต้องมีทางเลือกเพิ่มขึ้น ซึ่งมันเป็นสิ่งที่สโมสรกำลังทำงานอยู่ในขณะนี้ เรามาดูกันว่าจะทำอะไรได้บ้าง” ร็อดเจอร์ส อธิบาย
ทำธุรกิจอย่างชาญฉลาด
หลายปีที่ผ่านมา เลสเตอร์ ประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญญากับผู้เล่นหลายๆคนอาทิ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ ริยาด มาห์เรซ ที่เป็นคีย์แมนพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2016 รวมถึง วิลเฟรด เอ็นดิดี้, ยูริ ตีเลอม็องส์ และ เจมส์ เมดดิสัน ที่เป็นกำลังสำคัญของทีมในชุดปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน ผลงานในการคุมทีมของ ร็อดเจอร์ส ก็ถือว่าน่าประทับใจเมื่อพิจารณาจากยอดใช้จ่ายสุทธิของพวกเขา ซึ่งหลังจากอดีตเทรนเนอร์ ลิเวอร์พูล เข้ามาคุมทีมเมื่อปี 2019 นั้น เลสเตอร์ ใช้เงินไปเพียง 49.8 ล้านปอนด์
ร็อดเจอร์ส ซึ่งต้องทำงานร่วมกับ ลี คองเกอร์ตัน หัวหน้าฝ่ายสรรหาของ เลสเตอร์ กล่าวต่อว่า “แน่นอนว่าในฐานะผู้จัดการทีม คุณไม่รู้จักนักเตะทุกคนบนโลกหรอก แต่โชคดีที่ผมมีส่วนร่วมในกระบวนการสรรหาผู้เล่น และสามารถแสดงความคิดเห็นของตัวเองได้”
“ผมคิดว่าจุดที่เราชัดเจนในที่นี้คือ การทำความเข้าใจโปรไฟล์ของผู้เล่นที่เราต้องการ และสิ่งที่เข้ากับวิธีการเล่น และการทำงานของเรา และที่สำคัญมากคือ ตัวตนของนักเตะที่เราต้องการ เพราะเราไม่เสี่ยงกับสิ่งนั้นแน่ๆ”
“การซื้อตัวนักเตะที่สโมสรแห่งนี้มีความโดดเด่นมาเป็นเวลานานแล้ว และแน่นอนว่าในช่วงเวลาที่ผมอยู่ที่นี่ 2 ปีครึ่ง นักเตะใหม่ที่เรานำเข้ามาก็ทำผลงานได้ดีมาก”
ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เลสเตอร์ ต้องเสียนักเตะสำคัญอย่าง แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ไปให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เบน ชิลเวลล์ ที่ย้ายไป เชลซี แต่พวกเขาก็ยังสามารถรับมือได้เป็นอย่างดี และกำลังก้าวหน้าไปพอสมควร
ร็อดเจอร์ส ระบุว่า “ผมคิดว่าในเวลานี้ เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นสถานที่ที่น่าสนใจมาก หากคุณต้องการพัฒนาในตัวเองฐานะผู้เล่น ทำงานในสถานฝึกซ้อมระดับโลก และเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรที่มีแฟนบอลเหนียวแน่นอนด้วยความรู้สึกแบบครอบครัว นี้เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับคุณ
แนวทางที่ชัดเจน
ในซัมเมอร์นี้ นักเตะหลักของ เลสเตอร์ หลายคนตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับสโมสรชั้นนำมากมายอาทิ เมดดิสัน ที่ อาร์เซน่อล ให้ความสนใจ และ ตีเลอม็องส์ ที่ตกเป็นข่าวกับ ลิเวอร์พูล อย่างต่อเนื่อง แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ในเวลานี้ผู้เล่นของเราทุกคนดูมีความสุขมาก พวกเขามีความทะเยอทะยานมาก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ และมีความกระหายอย่างแท้จริงที่จะก้าวหน้าต่อไป ทุกทีมจะสูญเสียผู้เล่น แต่สำหรับ เลสเตอร์ มันต้องเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับเรา” ร็อดเจอร์ส กล่าว
เลสเตอร์ ยังคงเดินหน้าเสริมทัพได้อย่างน่าสนใจหลักจากคว้าตัว แพ็ตสัน ดาก้า หัวหอกทีมชาติแซมเบีย มาจาก เร้ดบลู ซัลซ์บวร์ก ในราคา 23 ล้านปอนด์ และ บูบาการี่ ซูมาเร่ มิดฟิลด์ดาวรุ่งชาวฝรั่งเศส มาจาก ลีลล์ ในราคา 17 ล้านปอนด์
นายใหญ่ชาวไอริช ระบุต่อว่า “เราต้องการการสนับสนุน เจมี่ วาร์ดี้ เป็นพิเศษในแดนหน้า แพ็ตสัน เข้ามาในฐานะแชมป์กับ เร้ดบลู ดังนั้น เขาจึงเข้ามาที่นี่ด้วยความกระหาย เราต้องการคนที่สามารถสร้างปัญหาให้กับคู่แข่งได้ เขาเร็วมาก และเขาก็เป็นผู้ทำประตูโดยธรรมชาติ คุณสามารถเห็นจากสถิติของเขาว่า เขาประสบความสำเร็จอย่างมากในการทำประตู เขาจะเข้ามา และให้การสนับสนุนที่ดีกับ เจมี่ แน่นอน”
“ซูมาเร่ เป็นคึนที่มีร่างกายแข็งแกร่งร่างกาย เขามีพร้อมทั้งเทคนิค และการเล่นในแท็คติคของเรา เขาย้ายมาจาก ลีลล์ ในฐานะแชมป์ลีกเอิง มันยอดเยี่ยมมากสำหรับเรา”
นอกจากจะได้ ดาก้า กับ ซูมาเร่ เข้ามาเสริมทีมแล้ว เลสเตอร์ ยังเซ็นสัญญากับ ไรอัน เบอร์ทรันด์ แบ็คซ้ายจอมเก๋าชาวอังกฤษมาจาก เซาธ์แฮมป์ตัน แบบไร้ค่าตัวด้วย ซึ่งดาวเตะวัย 32 ปี เคยทำงานกับ ร็อดเจอร์ส มาแล้วที่ เชลซี “ผมเคยทำงานกับ ไรอัน ที่ เชลซี ตอนที่เขาอายุ 16 ปี และเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นการพัฒนาของเขาอย่างที่เขาเป็นตอนนี้ เขามีประสบการณ์ และคุณภาพของ เขาพร้อมจะสนับสนุนเราอย่างแท้จริงเช่นเดียวกัน ดังนั้น ผมดีใจมากที่เขามาร่วมทีมเรา”
อนาคตข้างหน้าของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ
อดีตโค้ช ลิเวอร์พูล ตกเป็นข่าวกับ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ อย่างหนักในฐานะตัวแทนของ โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตเทรนเนอร์ชาวโปรตุกีสที่โดนปลดจากตำแหน่ง แต่ ร็อดเจอร์ส ยืนยันว่า เขาเคารพสัญญาที่มีกับ เลสเตอร์ จนถึงปี 2025
“ประการแรกมันคือ ความชัดเจนเกี่ยวกับตำแหน่งของผม เราแผนการของสโมสร เราชัดเจนมากเกี่ยวกับโครงการนี้ เรารู้สึกว่า เราสามารถทำการตลาดจากมุมมองของฟุตบอลได้ และทุกอย่างเป็นไปได้สำหรับเรา”
“ผมโชคดีมากที่ได้มาอยู่ที่นี่ ทุกวันที่ผมขับรถลงมายังสนามซ้อมของสโมสร ผมรู้สึกว่า มันเป็นเกียรติมากที่ได้มาอยู่ที่นี่ ผมพร้อมจะต่อสู้เพื่อสโมสรแห่งนี้ ผมความกระหาย และความทะเยอทะยาน และหวังว่า ผมจะสร้างสิ่งดีๆให้กับสโมสรได้” ร็อดเจอร์ส กล่าวทิ้งท้าย