ทำไม ลิเวอร์พูล แกร่งขึ้นหลังไร้ “คูตินโญ่”

เฟลิเป้ คูตินโญ่ เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติบราซิล เคยเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมสำหรับ ลิเวอร์พูล สโมสดังแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ วงการฟุตบอลต่างประเทศ แต่การขายเขาออกไปกลับทำให้ “หงส์แดง” ภายใต้การนำของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมันกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม

ย้อนกลับไปในเดือนมกราคมปี 2018 ลิเวอร์พูล ทำธุรกิจที่ได้กำไรมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรหลังจาก จอห์น ดับเบิลยู เฮนรี เจ้าของทีมชาวอเมริกันตัดสินใจยอมขาย คูตินโญ่ ที่ซื้อมาจาก อินเตอร์ มิลาน เพียง 8.5 ล้านปอนด์ ให้กับ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ในศึกลา ลีกา สเปน ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 142 ล้านปอนด์

ความสำเร็จในของ ลิเวอร์พูล หลังขาย เฟลิเป้ คูตินโญ่

4 ปีต่อมา มีผู้ชนะเพียงคนเดียวจากดีลนั้น ไม่ใช่ บาร์เซโลน่า ที่มีหนี้ไม่เพียงแค่ 1 พันล้านปอนด์เนื่องจากทุ่มเงินไปกับ คูตินโญ่ และไม่ใช่ตัวจอมทัพแซมบ้าเองที่ชนะหลังจาก “เจ้าบุญทุ่ม” พยายามขายเขาออกจากทีมเพื่อพยุงรายจ่ายของสโมสร แต่มันกลายเป็น ลิเวอร์พูล ที่มีความสุขที่สุด

ลิเวอร์พูล เข้าถึงรอบชิงฯ ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก หลังจาก 4 เดือนที่ คูตินโญ่ ย้ายออกไป แต่ต้องพ่าย เรอัล มาดริด แบบน่าเสียดาย แต่ 1 ปี ต่อมา คล็อปป์ และบรรดาแข้ง “หงส์แดง” ก็แก้ตัวด้วยการคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ของสโมสรได้สำเร็จ

ขณะเดียวกันอีก 1 ปี ต่อมาหลังไร้เงา คูตินโญ่ ลิเวอร์พูล ก็สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ และนับเป็นแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีของสโมสร รวมถึงทำสถิติเก็บชัยชนะได้มากถึง 35 เกมติดต่อกัน

หลังปล่อย คูตินโญ่ ออกไป พวกเขาไม่ได้หาเพลย์เมคเกอร์คนใหม่เข้ามาร่วมทีมเลย โดยก่อนหน้านี้ “หงส์แดง” เกือบเซ็นสัญญากับ นาบิล เฟคีร์ จอมทัพขาวฝรั่งเศสมาจาก โอลิมปิก ลียง แต่สุดท้ายการเจรจาก็ไม่ประสบความสำเร็จ

ลิเวอร์พูล เลือกจะทุ่มเงิน 75 ล้านปอนด์ คว้าตัว เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังทีมชาติฮอลแลนด์มาจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ก่อนจะทุ่มเงินอีก 67 ล้านปอนด์ คว้าตัว อลิสซิน เบ็คเกอร์ นายทวารทีมชาติบราซิลมาจาก โรม่า และสิ่งที่ได้รับคือ พวกเขามีกองหลัง และ โกล์ที่ดีที่สุดในโลกอยู่ในทีม

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ ลิเวอร์พูล และความผิดพลาดของ คูตี้

การสูญเสีย คูตินโญ่ ทำให้สิ่งต่าง ๆ ง่ายขึ้นสำหรับ ลิเวอร์พูล และมันก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทีมของ คล็อปป์ โดยเริ่มจากเล่นในระบบแนวรุก 3 คน และจากนั้นก็เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ 3 คน โดยไม่มีเพลย์เมคเกอร์

ขณะเดียวกัน คล็อปป์ ก็เริ่มใช้การเพรสซิ่งจากกองกลางที่ดุดันขึ้น และแทนที่เขาจะมองหามิดฟิลด์มากพรสวรรค์เข้ามาสร้งสรรค์เกม แต่โค้ชชาวเยอมันกลับใช้งาน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน 2 ฟูลแบ็คเป็นกำลังสำคัญในการโจมตีริมเส้น

คล็อปป์ เริ่มใช้ฟูลแบ็คที่มีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าแดนกลาง และดึงพวกเขาเข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับกรอบเขตโทษคู่แข่งมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเราสามารถบองได้ว่า ทั้งในด้านการเงิน และแท็คติก คูตินโญ่ช่วยสร้างหนึ่งในทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ ลิเวอร์พูล ได้อย่างยอดเยี่ยม

ก่อนหน้านี้ คูตินโญ่ ได้รับการยกย่องว่า จะเป็น อันเดรส อิเนียสต้า คนใหม่ของ บาร์เซโลน่า และเขาได้รับการคาดหมายว่า จะเข้ามาเล่นในระบบ “ติกิตากา” ของพลพรรค “เจ้าบุญทุ่ม” ได้อย่างลงตัว แต่ทุกอย่างมันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

อดีตดาวเตะ ลิเวอร์พูล มีโอกาสลงเล่นเพียง 1,157 นาทีในลา ลีกา นับตั้งแต่ต้นปี 2019-20 และตอนนี้ก็ยังไม่สามารถสอดแทรกเข้าไปอยู่ในทีม บาร์เซโลน่า ชุดที่แย่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษได้เลย โดย คูตินโญ่ ถูกแซงหน้าด้วยบรรดาดาวรุ่งในทีม “เจ้าบุญทุ่ม” หลายต่อหลายคน

การย้ายไปที่ คัมป์ นู เป็นหายนะสำหรับ คูตินโญ่ อย่างแท้จริง แต่ก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรมาบดบังได้ว่า เขาเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมของ ลิเวอร์พูล ซึ่งอาจบอกได้ว่า 2 ฤดูกาลที่ดีที่สุดของเขาคือ 2014-15 และ 2015-16 กับพลพรรค “หงส์แดง”  

คูตินโญ่ เคยเป็นผู้เล่นในเกมใหญ่ที่ทำประตูได้มากมายกับทีมชั้นนำ ซึ่งชัยชนะครั้งแรกของ คล็อปป์ ที่มีเหนือ เชลซี มาจากการทำประตูของ กองกลางแซมบ้า และเขาสมควรที่จะถูกจดจำว่า เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุด และน่าสนใจที่สุดในยุคที่กำลังพัฒนาของ “หงส์แดง”

 ในวัย 29 ปี ซึ่งแก่กว่า โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ปีกทีมชาติอิยิปต์ เพียง 3 วัน คูตินโญ่ อาจจะอยู่ในช่วงถดถอยของอาชีพนักฟุตบอลจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดของตัวเอง แต่เขายังมีเวลามากพอที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้หากมีความตั้งใจจะพิสูจน์ตัวเองมากพอในช่วงเวลาที่เหลือของอาชีพ

, , , , , , ,

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *