เส้นทางอาชีพของ ไค ฮาแวร์ตซ์ มิดฟิลด์อนาคตไกลชาวเยอรมันของ เชลซี ทีมดังแห่ง วงการฟุตบอลต่างประเทศ เริ่มต้นไปอย่างช้าๆ แต่เวลานี้หลังจากที่ปรับตัวได้แล้ว ดาวเตะวัย 21 ปี ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่แท้จริงของตัวเอง
ฮาแวร์ตซ์ ย้ายจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในศึกบุนเดสลีกา มาเล่นกับ เชลซี เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมาด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 71 ล้านปอนด์ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของพลพรรค “สิงโตน้ำเงินคราม” อีกด้วย
ในช่วงแรกภายใต้การคุมทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด อดีตกุนซือ เชลซี นั้น ฮาแวร์ตซ์ ฟอร์มตกอย่างน่าใจหาย และแทบไม่ได้เป็นตัวจริงเลย นอกจากนี้ เขาต้องพักรักษาคตัวนานหลายสัปดาห์หลังติดเชื้อโควิด-19
ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้กลับสู่ทีมตัวจริง
อย่างไรก็ตาม หลังจาก เชลซี ประกาศปลด แลมพาร์ด ออกจากตำแหน่ง และแต่งตั้ง โธมัส ทูเคิล เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน เข้ามากุมบังเหียนแทนนั้น ไค ฮาแวร์ตซ์ พลิกฟอร์มกับมาได้อย่างสุดยอด และตอนนี้เจ้าตัวกลายเป็นคีย์แมนสำคัญในแดนกลางของ “สิงโตน้ำเงินคราม” ไปเรียบนร้อยแล้ว
ถึงแม้ ฮาแวร์ตซ์ จะยังไม่สามารถระเบิดฟอร์มถล่มประตูได้เหมือนสมัยที่อยู่กับ เลเวอร์คูเซ่น แต่ภายใต้การทำงานร่วมกับ ทูเคิล นั้น มันทำให้เขาดูมีความมั่นใจในการเล่นมากขึ้น และมีส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์เกม
ทูเคิล มอบหมายให้ ฮาแวร์ตซ์ ได้รับบทบาทให้เป็นตัวทำเกมในแดนกลางร่วมกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ห้องเครื่องทีมชาติฝรั่งเศส และ จอร์จินโญ่ มิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลี โดยอดีตเด็กปั้น เลเวอร์คูเซ่น ก็ไม่ทำให้เจ้านายของเขาผิดหวัง
ฮาแวร์ตซ์ กลายเป็นจอมทัพที่วิ่งพล่านไปทั่วสนาม เขาดูมุ่งมั่น กระหาย และพร้อมจะต่อสู้ในทุกจังหวะ นอกจากนี้ กองกลางทีมาติเยอรมัน ยังเข้าไปเติมเกมรุก และสอดแทรกเข้าไปซัดประตูในกรอบเขตโทษของคู่แข่งอีกด้วย
ขณะเดียวกัน และส่วนสูงถึง 189 ซม. นั้น ยังทำให้ ฮาแวร์ตซ์ มีประโยชน์อย่างยิ่งในการเล่นลูกเซตพีซ ของ เชลซี ทั้งในจังหวะลุ้นประตู และในการตั้งรับ และการสัมผัสบอลที่ยอดเยี่ยมในจังหวะแรกของเขายังทำให้ได้เปรียบคนอื่นๆอยู่มากทีเดียว
อนาคตที่ เชลซี
นักเตะที่ยิ่งใหญ่หลายต่อหลายคนก็ต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ พอสมควรหากย้ายสโมสร และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขายังเป็นดาวรุ่งอายุน้อยที่ย้ายเข้ามาพร้อมกับค่าตัวมหาศาล
ในเวลานี้ ฮาแวร์ตซ์ เริ่มรู้สึกว่า เชลซี กลายเป็นบ้านของเขาไปแล้ว ซึ่งจะยิ่งทำให้เขาโชว์ฟอร์มเก่งออกมาได้อีก และบางที แลมพาร์ด อาจต้องคิดหนักที่ไม่ค่อยให้โอกาส อดีตกองกลาง เลเวอร์คูเซ่น ลงสนามในช่วงที่เขายังเป็นกุนซือ “สิงโตน้ำเงินคราม”
ฮาแวร์ตซ์ พา เชลซี เข้าไปชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพ กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ได้แล้ว แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถช่วยทีมให้คว้าแชมป์ได้หลังพ่าย “สุนัขจิ้งจอก” 0-1 เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่เขายังมีแชมป์อีกรายการให้ลุ้นนั่นคือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่จะเข้าไปชิงฯ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้
ผลลัพธ์ในเกมชิงฯถ้วยใบใหญ่ของยุโรปจะเป็นอย่างไรไม่มีใครคาดเดาได้ แต่การที่ ฮาแวร์ตซ์ ที่มีค่าตัว 71 ล้านปอนด์ และอยู่ในวัยเพียง 21 ปี พลิกฟอร์มเก่งกลับมาได้มันคงเป็นการลุงทุนที่คุ้มค่าในระยาวของ เชลซี อย่างแน่นอน