คริสเตียน อีริคเซ่น กับความท้าทายครั้งสำคัญ

คริสเตียน อีริคเซ่น เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติเดนมาร์กของ เบรนท์ฟอร์ด สโมสรน้องใหม่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดเผยว่า รู้สึกเหมือนเป็นปาฏิหาริย์ที่สามารถกลับมาค้าแข้งได้อีกครั้งหลังจากที่สลบคาสนามในระหว่างที่ช่วยทัพ “โคนม” ทำศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว

กองกลาง วัย 29 ปีรายนี้ได้รับการติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าหัวใจแบบฝัง (ICD) ซึ่งเป็นเครื่องกระตุ้นหัวใจประเภทหนึ่ง หลังจากที่ประสบภาวะหัวใจหยุดเต้น และล่าสุดเขาก็ตกลงเซ็นสัญญากับ เบรนท์ฟอร์ด เป็นเวลา 6 เดือน หลังจากยกเลิกสัญญากับ อินเตอร์ มิลาน ในกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี

คริสเตียน อีริคเซ่น รอดตายอย่างปาฏิหาริย์

อีริคเซ่น เริ่มกล่าวว่า “สิ่งแรกคือ การแสดงความขอบคุณถึงผู้คนรอบตัวผม เพื่อนร่วมทีม แพทย์ในสนาม ทีมแพทย์คนอื่นๆ และพยาบาล จากนั้น ก็ทุกๆคนที่โรงพยาบาลที่พวกเขาทำทุกอย่าง และตรวจสอบทุกอย่างแบบละเอียด”

“จากนั้นผมขอขอบคุณข้อความทั้งหมดจากผู้คนที่ให้การสนับสนุนผม และครอบครัวของผม มันเป็นเรื่องที่ดีมากที่ได้เห็นข้อความเหล่านั้นทั้งหมด ผมโชคดีมาก และผมได้บอกพวกเขาแบบเห็นหน้ากันแล้ว ผมมีความสุขมากที่พวกเขาทำในสิ่งที่พวกเขาทำ ไม่เช่นนั้นผมอาจจะไม่อยู่ที่นี่”

“สำหรับผมมันโชคร้ายมากๆ แต่ยังมีโชคดีเช่นกัน ผมจะไม่หวังว่า จะมีใครได้เจอมันแบผม ผมไม่เคยคิดว่า เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง แต่มันก็มันเกิดขึ้นแล้ว ผมโชคดีที่มีคนรอบตัวผมคอยช่วยเหลืออย่างเร็วมาก ผมรู้สึกขอบคุณจริงๆ ที่หมออยู่ในสนามด้วย”

อดีตมิดฟิลด์ อินเตอร์ เปิดเผยว่า ตอนนี้เขารู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมแล้ว และจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้กลับมาเล่นฟุตบอลได้ในระดับที่ตัวเองเคยทำไว้ นอกจากนี้ เขาก็ไม่กลัวความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้าหลังย้ายมาเล่นกับ เบรนท์ฟอร์ด

“ผมจะไม่เปลี่ยนสไตล์การเล่นของตัวเอง ผมพยายามฝึกซ้อมในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเพื่อกลับมาลงสนามให้ได้ ดังนั้น ผมคิดว่า ตอนนี้ผมอาจจะอยู่ในสภาพที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนพอสมควร และมีเพียงการแข่งขันในสนามจริงเท่านั้นที่ขาดหายไป ผมจึงไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมตัวเองไม่สามารถกลับไปอยู่ในระดับเดิมได้” แข้งชาวเดนมาร์ก กล่าว

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ปี 2021 จะเป็นวันที่จารึกไว้ในความทรงจำของ อีริคเซ่น ซึ่งเป็นวันที่เขาจำได้ทั้งหมด ยกเว้นเวลาเพียง 5 นาทีที่เขาสลบไปในนาทีที่ 41 ในเกมที่ เดนมาร์ก พบกับ ฟินแลนด์ ในเกมนัดเปิดสนามศึกยูโร 2020

มิดฟิลด์ตัวใหม่ เบรนท์ฟอร์ด ได้รับการ CPR และหลังจากการรักษา 15 นาทีก็ถูกนำตัวออกไปบนเปลหาม ซึ่งเขาไปตื่นนอนในโรงพยาบาลหลังจากเข้ารับการรักษากว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งการแข่งขันดังกล่าวจบลงด้วยการที่ ฟินแลนด์ เอาชนะ เดนมาร์ก 1-0

อีริคเซ่น เล่าต่อว่า “ผมจำทุกอย่างได้ยกเว้น 5 นาทีที่สลบไป ผมถูกบอกก่อนหน้านั้นว่า เหลือเกมครึ่งแรกอีก 5 นาที แต่แล้วผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น จากนั้นผมก็ตื่นขึ้นพร้อมกับผู้คนรอบๆ ตัว และรู้สึกได้ถึงแรงกดที่หน้าอก พยายามหายใจกลับมา จากนั้นผมก็ตื่นขึ้น  ผมลืมตาขึ้นและเห็นผู้คนรอบๆ ตัวผม ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น .

“ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเลย แล้วมันก็เข้ามาในหัวของผมว่า ‘มีอะไรเกิดขึ้นกับขาของผม หรือเปล่า ผมหลังหักหรือเปล่า ผมยกขาขึ้นได้ไหม สิ่งเล็กๆ ทั้งหมดที่ผมพยายามทำเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นในรถพยาบาล ผมได้ยินคนพูดว่า เขาสลบไปได้นานแค่ไหน และมีคนพูดว่า 5 นาที และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินว่าสลบไป”

เมื่อถูกถามว่าจะรู้สึกเหมือนปาฏิหาริย์ไหมที่จะกลับมา อีริคเซ่น กล่าวเสริมว่า “แน่นอน ผมคิดว่ามันจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเข้าใกล้เกมจริงมากขึ้น การอยู่ในสนาม อยู่ในเกมฟุตบอล คุณจะได้ทุกอย่าง อารมณ์และอะดรีนาลีนของผมก็กลับมาแล้ว”

คริสเตียน อีริคเซ่น

พร้อมเผชิญความท้าทาย

ขณะเดียวกัน อินเตอร์ และ อีริคเซ่น ก็ตกลงยกเลิกสัญญาด้วยความยินยอมทั้ง 2 ฝ่ายเมื่อเดือยธันวาคมที่ผ่านมา เนื่องจากผู้เล่นที่ติดตั้ง ICD ไม่สามารถแข่งขันในกัลโช่ เซเรีย อา ได้ อย่างไรก็ตาม พรีเมียร์ลีก ไม่มีกฎเกณฑ์เดียวกัน

หลังจากออกจาก อินเตอร์ ไม่นาน เอริคเซ่น ก็เริ่มฝึกซ้อมคนเดียวที่ โอเดนเซ่ โบลด์คลับ ในเดนมาร์ก ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นนักเตะเยาวชนที่นั่น และกล่าวถึงความทะเยอทะยานของเขาที่จะกลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้งเพื่อติดทัพ “โคนม” ไปลุยฟุตบอลโลกปี 2022 ที่กาตาร์

โธมัส แฟรงค์ กุนซือ เบรนท์ฟอร์ด กล่าวว่า อีริคเซ่น เป็นการเซ็นสัญญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่สโมสรแห่งนี้เคยมีมา ซึ่งการที่เข้ามาถึงทัพ “เดอะ บีส์” นั้น ก็ทำให้ยอดขายเสื้อพุ่งกระฉูดเลยทีเดียว

อีริคเซ่น เล่าต่อว่า “ผมทำการทดสอบตัวเองทั้งหมดให้เสร็จสิ้น และพูดคุยกับแพทย์ทุกคนเพื่อดูว่าอะไรเป็นไปได้ และอะไรไม่เป็นไปได้ แต่ตั้งแต่นั้นมา ผมคิดว่า น้อยกว่าหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น พวกเขาบอกว่า ‘คุณมี ICD ที่ตัว แต่อย่างอื่นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”

“คุณสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้เหมือนชีวิตปกติ และไม่มีขีดจำกัดในสิ่งที่คุณต้องการจะทำ มันเป็นเรื่องโล่งใจมาก มันเป็นเรื่องจริง แต่ก็แปลก เพราะผมไม่อยากหักโหมจนเกินไป ผมไม่อยากเสี่ยงกับมัน ผมเลยทำการทดสอบตัวเองหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่ามันโอเค”

“มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อผมในวัย 30 ปี และนั่นคือเป้าหมายหลัก มิฉะนั้นหากพวกเขาบอกผมว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไป ผมจะไปทำอย่างอื่นแทน ผมไม่เห็นความเสี่ยงใด ๆเลย  ผมมี ICD หากจะเกิดอะไรขึ้นผมก็ปลอดภัย”

“ผมตัดสินใจอย่างเป็นขั้นเป็นตอนจริงๆ กับแผนที่วางไว้กับแพทย์ นับตั้งแต่เวลาของการวิเคราะห์โรคและขั้นตอนต่างๆ ที่ผมต้องเผชิญเพื่อรับการทดสอบทุกอย่าง มันเป็นการสร้างขั้นตอนที่เชื่องช้า และใช้เวลาทั้งหมดไปกับการทดสอบอย่างเหมาะสม และครอบครัวของผมก็ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี”

“พวกเขารู้ว่าผมต้องการกลับไปเล่นฟุตบอลหากเป็นไปได้ แต่ผมก็รู้เช่นกันว่าพวกเขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในระหว่างนี้ และถ้ามันเป็นสิ่งที่แย่กว่านั้น ผมจะไม่พูดต่อ ผมรักครอบครัวและการสนับสนุนของพวกเขา จากสิ่งที่พวกเขากำลังประสบอยู่ตอนนี้และสิ่งที่พวกเขาเคยผ่านมาก่อน”

เพลย์เมคเกอร์คนใหม่ เบรนท์ฟอร์ด ไม่กังวลเกี่ยวกับ ICD ของตัวเองเลย และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นหากเขาได้รับความท้าทายที่แข็งแกร่ง โดยพิจารณาจากสไตล์การเล่นของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก โดยระบุว่า “ผมไม่มีความรู้สึกกลัวอะไรเกี่ยวกับมันเลย

“ผมไม่รู้สึกถึง ICD ที่ตัวเลย ดังนั้น หากมันมีปัญหาขึ้นมา ผมรู้ว่ามันปลอดภัยเพียงพอ ผมไม่กลัว

ความท้าทายข้างหน้า และการเข้าปะทะจากคู่แข่งเลย ผมคิดว่า การกลับมาเล่นฟุตบอลมันจะเป็นอะไรที่พิเศษมาก”

ในขณะที่สภาพร่างกายของตัวเองดีขึ้น อีริคเซ่น ก็เหลือเวลาอีกไม่กี่สัปดาห์แล้วในการประเดิมสนามให้กับ เบรนท์ฟอร์ด และล่าสุดเขาก็เพิ่งเข้าร่วมซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมใหม่ โดยเล่าว่า “ผมวิ่งเยอะมาก และทดสอบหลายอย่าง ดังนั้น สภาพร่างกายผมยังดี แต่การสัมผัสเกมฟุตบอลเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไป และการไปจุดนั้นผมยังมีเวลาอีก 2-3 สัปดาห์”

ขณะเดียวกัน อีริคเซ่น ยังบอกด้วยว่าเขารู้สึกขอบคุณที่ได้กลับมาลอนดอนอีกครั้งหลังจากที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวใช้เวลา 7 ฤดูกาลกับ ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ อดีตทีมเก่า โดยระบุว่า “สำหรับผมและครอบครัวในอีก 6 เดือนข้างหน้า นี่เป็นสถานการณ์ที่สมบูรณ์แบบจริงๆ”

“เราคุ้นเคยกับ ลอนดอน เป็นอย่างดี และเราเคยอยู่ทางเหนือของลอนดอนมาหลายปีแล้ว อย่างแรกเลยสำหรับครอบครัว และนักฟุตบอลเที่จะได้มีโอกาสเล่นในพรีเมียร์ลีก เราต้องทำความรู้จักกับผู้คนที่นี่ แน่นอนว่าผมรู้จักโค้ช โธมัส แฟรงค์ มาก่อน และเพื่อนร่วมทีม เบรนท์ฟอร์ด หลายคนก็มาจาก เดนมาร์ก”

แน่นอนว่า มันจะเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมากสำหรับ  อีริคเซ่น เมื่อเขาลงสนามอีกครั้งนับตั้งแต่ไม่ได้ลงเล่นมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวกล่าวว่า “ผมไม่ได้ลงเล่นมานาน แต่ตอนนี้โอกาสมันมาใกล้มากๆแล้ว และการได้ลงสนามอักครั้ง มันคงเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก”

, , , ,

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *