ความเจ็บปวดจากการพ่ายจุดโทษของทีมชาติอังกฤษให้กับทีมชาติอิตาลีในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 รอบชิงชนะเลิศเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั้น อาจยังคงอยู่ แต่มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่พิเศษสำหรับพลพรรค “สิงโตคำราม” ที่มีนักเตะดาวรุ่งมากพรพสวรรค์อย่าง จู๊ด เบลลิ่งแฮม อยู่ในทีมชุดนี้ด้วย
กองกลางดาวรุ่งจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรดังแห่ง วงการฟุตบอลต่างประเทศ ได้มีโอกาสลงเล่นในศึกยูโร 2020 ไปถึง 3 เกม และในวัยเพียง 18 ปี เบลลิ่งแฮม ก้าวขึ้นมายึดตำแหน่งตัวหลักในแดนกลางของ “เสือเหลือง” เรียบร้อยแล้ว
จู๊ด เบลลิ่งแฮม กับพรสวรรค์ที่เกินวัย
ขณะเดียวกัน พรสวรรค์ และฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมเกินวัยของ เบลลิ่งแฮม นั้น ทำให้เขาถูกนำไปเปรียบเทียบกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด อดีตกองกลางกัปตันทีม ลิเวอร์พูล และ เชส ฟาเบรกาส อดีตห้องเครื่อง อาร์เซน่อล ที่แจ้งเกิดได้อย่างรวดเร็วจนกลายมาเป็นผู้นำทีมตั้งแต่อายุยังน้อย
ในช่วงพักเบรกทีมชาติรอบล่าสุด แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือทีมชาติอังกฤษ ตัดสินใจไม่เรียก เบลลิ่งแฮม เข้ามาติดทีมเพื่อให้เขาได้พักบ้าง แต่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธเลยว่า มิดฟิลด์วันเดอร์คิด ดอร์ทมุนด์ คนนี้จะเป็นกำลังสำคัญของ “สิงโตคำราม” ในอนาคตอย่างแน่นอน
เจมส์ ฮอร์นคาสเซิล ผู้เชี่ยวชาญด้านฟุตบอลชาวอิตาลี ให้สัมภาษณ์ว่า “จู๊ด เบลลิ่งแฮม ถูกพูดถึงเยอะมากในอิตาลีในช่วงศึกยูโร เช่นเดียวกับ ฟิล โฟเด้น ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผมมีความรู้สึกว่า น่าเสียดายที่อังกฤษพ่าย อิตาลี ในนัดชิงฯ และนักเตะอย่าง เบลลิ่งแฮม ควรได้ลงเล่นมากกว่านี้”
“จาดอน ซานโช่ ก็ถูกพูดถึงเช่นกัน และอังกฤษก็มีศักยภาพที่จะแสดงออกมาได้ นั่นคือการพูดคุยในสื่อของอิตาลี ผมมีความรู้สึกว่า มันไม่ใช่จุดจบของบางสิ่ง มันเป็นจุดเริ่มต้นของบางสิ่งพิเศษสำหรับอังกฤษ โดยมี เบลลิ่งแฮม เป็นคีย์แมนในอนาคต”
ความคิดที่ เบลลิ่งแฮม ต้องการการพักผ่อนในช่วงพักเบรกทีมชาติที่ผ่านมามันอาจรู้สึกสมเหตุสมผลเมื่อมองจากจำนวนเกมที่เขาลงสนามให้กับทั้งสโมสร และทีมชาติเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมารวมทุกรายการไปมากถึง 53 เกม
บทบาทในสนามที่เปลี่ยนไป
เบลลิ่งแฮม ได้รับหน้าที่ให้เล่นเกมรุกมากขึ้นกับ ดอร์ทมุนด์ ในปีนี้ นอกจากนี้ เขายังมีเท้ายซ้ายที่สุดยอดหลังซัดประตูใส่ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ในเกมบุนเดสลีกเมื่อเดือนสิงหาคม และทำแอสซิสต์ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ เบซิคตัส เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
อาร์ชี รินด์-ทุตต์ นักข่าวบุนเดสลีกาที่ติดตาม เบลลิ่งแฮม กล่าวว่า “เขามีพลังขับเคลื่อนอย่างมากทั้งใน และนอกสนาม นักเตะอาวุโสในห้องแต่งตัวของ ดอร์ทมุนด์ อย่าง แมตส์ ฮุมเมิลส์ ก็ชื่นชมเขา ส่วน มาร์โก รอยส์ บอกว่า เบลลิ่งแฮม คล้ายคลึงกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด มากๆในวิธีการเล่น และแรงกระตุ้น”
“เขาสนุกกับการต่อสู้มากมากๆ เขามีอารมณ์ร่วมกับเกมเยอะมากๆด้วย บางครั้งอารมณ์ของเขาก็รุนแรงมากๆ แต่ทุกคนที่ ดอร์ทมุนด์ ก็รู้ถึงตัวตนของเขาเป็นอย่างดี เขามีคุณภาพมากๆ การตัดสินใจของเขาดีมาก และความเต็มใจที่จะเรียนรู้ตลอดเวลา
จูเลียน ลอเรนซ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านฟุตบอลยุโรปอธิบายว่า “เขาเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่ผมคิดไว้ ผมสัมภาษณ์เขาเป็นครั้งแรกหลังจากจบเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และผมก็ลืมไปเลยว่า เขาอายุแค่ 17 ปีเท่านั้น เขาเป็นคนที่ฉลาดมาก”
“เขาทำให้ผมนึกถึง เชส ฟาเบรกาส มันไม่ใช่แค่วิธีการเล่น แต่ในความเป็นผู้ใหญ่ที่เหลือเชื่อนั้น คุณต้องบังคับตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย และควบคุมทีมของคุณ คุณไม่ได้เห็นบ่อยนักหรอกกับนักฟุตบอลอายุเพียงเท่านี้”
ค่าตัว จู๊ด เบลลิ่งแฮม ในอนาคต
ตอนนี้มีการพูดถึงสโมสรในพรีเมียร์ลีกหลายทีมที่กำลังให้ความสนใจในตัวของ เบลลิ่งแฮม ซถึ่งถูกคาดหมายว่า จะเป็นศูนย์กลางของทีมชาติอังกฤษในอีกทศวรรษข้างหน้า โดยมีการประเมินค่าตัวของเขาเกิน 100 ล้านปอนด์ไปเรียบร้อยแล้ว
รินด์-ทุตต์ กล่าวต่อว่า “มีเวลามากมายสำหรับเขาที่จะเติบโตที่ ดอร์ทมุนด์ ต่อไป เขามีสัญญาฉบับปัจจุบันจนถึงปี 2025 และไม่มีเงื่อนไขการปล่อยตัว แต่ถ้าเขายังคงทำผลงานได้อย่างที่เขาทำ ผมไม่คาดหวังว่าเขาจะอยู่ที่ ดอร์ทมุนด์ นานกว่านี้หรอก”
“เขารักษาฟอร์มการเล่นมาตรฐานการเล่นระดับสูงมาตลอด เขาเหมาะสมกับสโมสรใหญ่ทั่วยุโรป แต่มันไม่มีอะไรเสียหายเลยหากเขาอยู่ที่ ดอร์ทมุนด์ ต่อไป เพราะเขาจะเติบโตต่อไปได้ เขาจะสร้างอนาคตที่ดีและเป็นกัปตันในอนาคตได้แน่นอน”
ขณะที่ ลอเรนส์ ระบุว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ แมนฯ ซิตี้ อาจเป็นจุดหมายปลายทางต่อไปของ เบลลิ่งแฮม โดยเล่าว่า “หาก แมนฯ ยูไนเต็ด มองหาตัวแทน ปอล ป็อกบา ผมคิดว่า เบลลิ่งแฮม คือคนที่ใช่ของพวกเขา”
“เขาเป็นผู้เล่นที่มีค่าตัว 100 ล้านปอนด์ไปแล้ว แม้จะอายุเพียงอายุ 18 ปีก็ตาม แต่ยิ่งคุณรอนานเท่าไหร่ ค่าตัวของเขาก็จะยิ่งสูงขึ้น ถ้าคุณรอนานเกินไป ราคาของเขาอาจจะไปที่ 120 ถึง 130 ล้านปอนด์เลยก็ได้”