การแข่งขันฟุตบอลศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตั้งแต่เปิดฤดูกาลมาจนถึง ณ เวลานี้ มี กุนซือ หลายคนโดยไล่ออกไปเรียบร้อยแล้วไม่ว่าจะเป็น ซิสโก้ มูนยอซ, สตีฟ บรูซ, โอเล่ กุนนาร์ โซลชา, ดีน สมิธ, ราฟาเอล เบนิเตซ, ดาเนี่ยล ฟัลเค่, เคลาดิโอ รานิเอรี่ และ นูโน่ เอสพิริโต ซานโต้
ขณะเดียวกัน ก่อนจบซีซั่น นักวิเคราะห์หายคนมองว่า จะมีผู้จัดการทีมบางคนตกงานเพิ่มอีกหลังจากที่พวกเขาทำผลงานให้กับต้นสังกัดได้อย่างย่ำแย่ และนี่คือ 5 ตัวเต็งเทรนเนอร์เก้าอี้ร้อนที่อาจโดนเจ้าของสโมสรตะเพิดในเร็วๆนี้หากผลงานไม่เข้าตา
1. เบรนแดน ร็อดเจอร์ส (เลสเตอร์ ซิตี้) ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
นายใหญ่ชาวไอร์แลนด์เหนือเพิ่งพา เลสเตอร์ ตกรอบศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบที่ 4 มาสดๆร้อนหลังบุกไปพ่าย น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ทีมดิวิชั้นต่ำกว่าแบบหาฟอร์มเก่งไม่เจอ 4-1 และดูเหมือนว่า เขาจะไม่สามารถพาทีมคืนฟอร์มได้ในเร็วๆนี้
ขณะเดียวกัน ร็อดเจอร์ส ก็พา เลสเตอร์ ตกรอบศึกฟุตบอลยุโรป้า ลีก ไปเรียบร้อยแล้ว และมีโอกาสเพียงน้อยนิดที่เขาจะพาทีมคว้าตั๋วไปเล่นในฟุตบอลยุโรปฤดูกาลหน้าได้อีกครั้ง ซึ่งถือว่า เป็นผลงานที่น่าผิดหวังพอสมควรของโค้ชวัย 49 ปี
อดีตกุนซือ ลิเวอร์พูล และ กลาวโกว์ เซลติก ในสก็อตติชพรีเมียร์ลีก กำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่กดดันสุดๆแล้ว ซึ่งหากในอีก 2-3 เกมเขาทำผลงานได้ดีขึ้นนั้น บางทีบบอร์ดบริหาร เลสเตอร์ อาจจะพิจารณาอนาคตของเขาอีกครั้งแม้จะมีสัญญายาวกับทีมก็ตาม
2. ฌอน ไดซ์ (เบิร์นลีย์)
ไดซ์ คุม เบิร์นลีย์ มาเป็นเวลากว่าทศวรรษแล้ว และเขาก็พาทีมอยู่รอดปลอดภัยในพรีเมียร์ลีกมาได้หลายปี แต่ในซีซั่นนี้ เทรนเนอร์ชาวอังกฤษ กำลังเจอความท้าทายอย่างหนักหลังพาทีมรั้งบ๊วย และส่อแววตกชั้นเต็มที
โค้ชวัย 50 ปี เจองานที่ยากลำบากกว่าเดิมในการพา เบิร์นลีย์ อยู่รอดหลังจากทีมเพิ่งปล่อย คริส วู้ด หัวหอกคนสำคัญไปให้กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด คู่แข่งที่หนีตกชั้นด้วยกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ ไดซ์ ต้องรีบแก้ไข และอาจหมดเวลาแล้วที่เขาจะกอบกู้สโมสรในครั้งนี้
3. เอ็ดดี้ ฮาว (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด)
ฮาว เข้ามารับตำแหน่งที่นิวคาสเซิลในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาคุมทีม โดยการมาถึงของเจ้าของสโมสรคนใหม่ชาวซาอุดิอาระเบียผู้มั่งคั่งนั้น หมายความว่า “สาลิกาดง” ต้องการเก็บชัยชนะทุกเกมที่ลงสนาม
อดีตเทรนเนอร์ บอร์นมัธ อาจทำให้ นิวคาสเซิ่ล มีเกมรุกที่ดีขึ้น แต่เกมรับก็ยังดูหละหลวมอยู่ และการที่สโมสรทุ่มเงินึคว้านักเตะใหม่อย่าง แดน เบิร์น, คีแรน ทริพเพียร์, คริส วู้ด, แมตต์ ทาร์เก็ต และ บรูโน่ กิมาไรซ์ เข้ามาเสริมทัพก็ยิ่งทำให้เขากดดันมากเข้าไปอีก
อย่างไรก็ตาม ฮาว เพิ่งพา นิวคาสเซิ่ล เก็บชัยชนะเหนือ ลีดส์ ยูไนเต็ด และ เอฟเวอร์ตัน ได้ 2 เกมติดต่อกัน ซึ่งทำให้ “สาลิกาดง” หลุดพ้นโซนตกชั้นขึ้นมาแล้ว และทำให้เขาคลายความกดดันไปได้บ้าง แต่หากยังไม่รักษาความสม่ำเสมอไว้ได้บางทีเจ้าของสโมสรอาจจะพิจารณาหาโค้ชคนใหม่เข้ามาทดแทนต่อไป
4. รอย ฮอดจ์สัน (วัตฟอร์ด)
ฮอดจ์สัน เข้ามารับหน้าที่กับ วัตฟอร์ด ต่อจาก รานิเอรี่ ได้ 2 เกมแล้ว เขาพาทีมเก็บได้ 1 คะแนนจากการบุกไปเสมอกับ เบิร์นลีย์ ต่อด้วยบุกไปพ่าย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แบบหวุดหวิด แต่ฟอร์มโดยรวมของ “แตนอาละวาด” ก็ยังไม่ดีขึ้นเลย
ผู้จัดการทีมมากประสบการณ์วัย 74 ปี เป็นเพียงตัวเลือกระยะสั้นของ วัตฟอร์ด ที่มีภารกิจหลักคือ พาทีมรอดตกชั้น แต่หลังจากนี้ไปอีกสัก 5-6 เกมหาก ฮอดจ์สัน ยังไม่สามารถพา วัตฟอร์ด เก็บแต้มได้เป็นกอบเป็นกำเขาอาจตกอยู่ในความกดดันอย่างหนักก็ได้
ตระกูล “ปอซโซ่” เจ้าจองสโมสร วัตฟอร์ด ขึ้นชื่อเรื่องการตะเพิดกุนซืออยู่แล้ว โดยซีซั่นนี้ ฮอดจ์สัน เป็นโค้ชรายที่ 3 ของพวกเขาแล้ว และบางทีหาก “แตนอาละวาด” ยังไม่ฟื้น ก็อาจจะมีกุนซือคนที่ 4 เข้ามาทำงานก็ได้
5. ราล์ฟ รังนิก (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) ของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน ถูกมองว่า จะก้าวเข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในยุคที่วุ่นวายของ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ตอนนี้ดูเหมือนอาจารย์มหาวิทยาลัยมากกว่าจะมาผู้นำของสโมสรฟุตบอลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกอย่าง “ปีศาจแดง”
รังนิก ไม่สนใจซุเปอร์สตาร์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยนักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ถูกดร็อปเป็นตัวสำรองแบบไม่มีเหตุผล และเขาต้องการให้ลูกทีมวิ่งเพรสซิ่งตลอดทั้งเกม ซึ่งเป็นสิ่งที่แข้ง “ปีศาจแดง” ไม่คุ้นเคยมาก่อน
นายใหญ่วัย 63 ปี พา แมนฯ ยูไนเต็ด ตกรอบเอฟเอ คัพ ด้วยการพ่าย มิดเดิ้ลสโบรช์ คาบ้าน ต่อด้วยบุกไปเสมอทีมบ๊วยอย่าง เบิร์นลีย์ ซึ่งผลงานแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้อนาคตของ รังนิก ตกอยู่ในเครื่องหมายคำถามว่า เขาดีพอสำหรับ “ปีศาจแดง” หรือไม่