สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับ ลีดส์ หลังปลด บิเอลซ่า

การสุ่มเสี่ยงอยู่ใกล้โซนตกชั้นของ ลีดส์ ยูไนเต็ด สโมสรแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นั้น ทำให้ชัดเจนว่า บางสิ่งบางอย่างต้องเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนรู้ว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงคือ ปรัชญาการทำทีมของ มาร์เซโล บิเอลซ่า อดีตผู้จัดการทีมมากประสบการณ์ชาวอาร์เจนไตน์ ซึ่งล่าสุดเขาโดนปลดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

การจากไปของ บิเอลซ่า เป็นการตัดสินใจที่ไม่เต็มใจอย่างไม่ต้องสงสัยของบอร์ดบริหาร ลีดส์ รวมถึงแฟนบอลทุกคนด้วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เทรนเนอร์วัย 66 ปี ได้สถาปนาตัวเองให้กลายเป็นคนสำคัญของทัพ “ยูงทอง” หลังจากพาสโมสรกลับเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดแดนผู้ดีได้สำเร็จเมื่อปีที่ผ่านมา

ลีดส์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจปลด มาร์เซโล บิเอลซ่า หลังจากทำผลงานได้น่าผิดหวัง

นับตั้งแต่เข้ามาทำงานกับ ลีดส์ เมื่อปี 2018 จนถึงโดนไล่ออกนั้น บิเอลซ่า เป็นคนที่แฟนบอล ลีดส์ ให้ความเคารพเป็นอย่างมาก โดยอดีตนายใหญ่ โอลิมปิก มาร์กเซย, ลาซิโอ และ ลีลล์ ทำให้ “ยูงทอง” กลายเป็นทีมที่เล่นฟุตบอลได้น่าตื่นเต้น และมีอนาคตที่สดใส

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พา ลีดส์ พ่ายคาบ้านต่อ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ของ อันโตนิโอ คอนเต้ โค้ชชาวอิตาเลียนไปแบบเละเทะ 0-4 เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บวกกับการที่ต้องหล่นไปอยู่อันดับ 16 ในตารางคะแนน และมีแต้มเหนือโซนตกชั้นเพียง 2 แต้มนั้น บิเอลซ่า ก็ต้องโดนไล่ออกในที่สุด

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา การปฏิเสธที่จะเปลี่ยนแนวทางการเล่นของ บิเอลซ่า นั้น ส่งผลให้ ลีดส์ เสียประตูไปมากมาย และตอนนี้พวกเขาเสียไปถึง 60 ประตู จาก 26 เกมในลีก ซึ่งเป็นทีมที่เสียประตูมากที่สุดในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี

ขณะเดียวกัน แม้จะอำลาสโมสรไปแล้ว แต่ บิเอลซ่า ก็ยังคงเป็นที่รักของแฟนบอล ลีดส์ อยู่เสมอ ซึ่งจะทำให้เขาเป็นวีรบุรุษตลอดไปของสโมสรด้วยการสนับสนุนจากสาวก “ยูงทอง” ที่ชื่นชอบฟุตบอลเกมรุกเป็นชีวิตจิตใจ

แฟนบอล ลีดส์ ส่วนใหญ่ยังอยากให้ผู้จัดการทีมชาวอาร์เจนไตน์ทำงานในถิ่น เอลแลนด์ โรด ต่อไป ซึ่งพวกเขาก็เข้าใจดีว่า บิเอลซ่า ต้องเผชิญกับปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะตัวหลักอาทิ มิดฟิลด์ตัวสำคัญอย่าง คาลวิน ฟิลลิปส์ และ แพทริค แบมฟอร์ด กองหน้าตัวเก่ง

การขาด ฟิลลิปส์ และ แบมฟอร์ด เป็นระยะเวลาหลายเดือนส่งผลกระทบต่อฟอร์มในสนามของ ลีดส์ เป็นอย่างมาก เนื่องจาก ฟิลลิปส์ เป็นกองกลางที่คอยควบคุมจังหวะของเกม และมีทีเด็ดจากการผ่านบอล ส่วน แบมฟอร์ด ก็เคยยิงประตูให้กับทีมอย่างสม่ำเสมอ

แน่นอนว่า ทุกสโมสรก็ต้องเจอกับปัญหานักเตะบาดเจ็บ ละสำหรับ บิเอลซ่า เขาอาจจจะพลาดตรงที่ปล่อยให้ ลีดส์ มีขนาดทีมที่เล็กเกินไป และทำให้นักเตะสำรองไม่สามารถทดแทนผู้เล่นตัวจริงได้ ซึ่งทำให้ฟอร์มการเล่นค่อยๆตกลงมา

ลีดส์ เคยต้องเตรียมพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ที่ บิเอลซ่า จะอำลาทีมเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล เขาทำงานโดยเซ็นสัญญาหนึ่งปีมาตลอด และจะตัดสินใจต่อสัญญาฉบับใหม่เมื่อสัญญาฉบับเดิมใกล้หมดลง แต่ตอนนี้ทั้ง 2 ฝ่ายก็แยกทางกันก่อนจะถึงเวลาดังกล่าว

ลีดส์ จะเป็นอย่างไรต่อไปหลังปลด มาร์เซโล บิเอลซ่า

เจสซี่ มาร์ช โค้ชชาวอเมริกัน ซึ่งมีสไตล์การคุมทีมใกล้เคียงกับ บิเอลซ่า นั้น ได้รับความเชื่อใจจาก วิคเตอร์ ออร์ตา ผู้อำนวยการฟุตบอลของ ลีดส์ และตอนนี้ก็ถูกดึงเข้ามารับเผือกร้อนในถิ่น เอลแลนด์ โรด เรียบร้อยแล้ว

ก่อนหน้านี้ มาร์ช เคยประสบความสำเร็จอย่างมากกับ เร้ดบลูล์ ซัลซ์บวร์ก ซึ่งเขาใช้รูปแบบ 4-4-2 หรือ 4-2-3-1 ที่ออกแบบมาเพื่อให้ทีมมีการเล่นที่ไหลลื่น และการเพรสซิ่งสูง และสไตล์ดังกล่าวก็ทำให้สโมสรคว้าแชมป์ลีกออสเตรีย 2 สมัย และฟุตบอลถ้วยภายในประเทศอีก 1 สมัย

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ เทรนเนอร์วัย 48 ปี ล้มเหลวกับ แอร์เบ ไลป์ซิก ในบุนเดสลีกา เยอรมัน หลังเข้ามาคุมทีมต่อจาก จูเลียน นาเกิลส์มันน์ ได้เพียง 4 เดือน โดยคุมทีมรวมทุกรายการ 20 เกม แบ่งเป็นในลีก 14 เกม ซึ่งเขาพาทีมเอาชนะได้ 7 เกม และแพ้ไป 9 เกม ก่อนจะอำลาสโมสรเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาด้วยการพาทีมรั้งอันอับ 11 ในตารางคะแนน

ขณะเดียวกัน มาร์ช ไม่ใช่คนที่เชี่ยวชาญเรื่องการเข้ามาคุมทีมในสภาวะหนีตกชั้นในพรีเมียร์ลีก ดังนั้นลีดส์ ก็ไม่ควรคาดหวังว่า เขาจะเข้ามาแก้สถานการณ์ได้ในทันที และบางทีอดีตโค้ช ซัลซ์บวร์ก ก็ควรได้รับเวลาในการปรับจูนทีม

บิเอลซ่า เป็นผู้ดึง ลีดส์ ขึ้นมาจากความโกลาหลภายใน และนอกสโมสรก่อนจะพากลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ และก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่การจากไปของเขานั้น จะทำให้บรรดาแฟนบอล “ยูงทอง” เสียใจอย่างมาก

มาร์ช จะต้องเข้ามาสานงานที่หนักหนาสาหัสต่อจากที่ บิเอลซ่า เคยทำไว้ และเขาก็ต้องเริ่มต้นด้วยชัยชนะโดยเร็วที่สุดเพื่อเรียกความมั่นใจของลูกทีม และแฟนบอล ลีดส์ กลับคืนมาในการพาพลพรรค “ยูงทอง” รอดตกชั้นให้ได้ในท้ายที่สุด