สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลัง นิวคาสเซิ่ล เทคโอเวอร์

เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ทีมดังแห่ง วงการฟุตบอลต่างประเทศ สร้างช่าวฮือฮาไปทั่วโลกหลังจากที่กลุ่มทุนจากซาอุดิอาระเบีย ในนาม “พับบลิค อินเวสต์เมนต์ ฟันด์” ที่มี โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งประเทศซาอุดิอาระเบียเป็นผู้บริหารนั้น เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรต่อจาก ไมค์ แอชลีย์ ด้วยจำนวนเงินมูลค่ามหาศาลถึง 305 ล้านปอนด์

ก่อนหน้านี้ 18 เดือน พับบลิค อินเวสต์เมนต์ ฟันด์ หรือ PIF เกือบจะเทคโอเวอร์สำเร็จมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ถูกพรีเมียร์ลีกปฏิเสธไป จนในที่สุดพวกเขาก็สามารถเข้ามาเป็นเจ้าของใหม่ของ “สาลิกาดง” โดยสมบูรณ์ ซึ่งสร้างความดีใจให้สาวก “ทูน อาร์มี่” เป็นอย่างมาก

ในยุค แอชลีย์ เรียกได้ว่า นิวคาสเซิ่ล เป็นสโมสรที่ไม่มีโอกาสลุ้นแชมป์ได้เลย และต้องต่อสู้อย่าหนักเพื่ออยู่รอดในพรีเมียร์ลีก แต่ตอนนี้พวกเขากลายเป็นสโมสรที่รวยที่สุดในโลกไปแล้ว และนี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตของพลพรรค “สาลิกาดง”

นิวคาสเซิ่ล

เบื้องหลังการเทคโอเวอร์ นิวคาสเซิ่ล และความรู้สึกแฟนบอล

ไม่มีใครคาดหวังว่า PIF จะเข้ามาครอบครอง นิวคาสเซิ่ล ได้รวดเร็วแบบนี้ ซึ่งหลายฝ่ายคิดว่า ทุกอย่างจะเสร็จสิ้นในเดือนมกราคมปี 2022 เป็นอย่างน้อยหลังจากที่ PIF ภายใต้การดูแลของ บิน ซัลมาน มีปัญหาเรื่องละเมิดสิทธิของพรีเมียร์ลีก และภาพลักษณ์เรื่องสิทธิมนุษชน

อย่างไรก็ตาม อแมนด้า สเตฟลีย์ นักธุรกิจหญิงชาวอังกฤษเป็นแกนนำของ PIF ในการเจรจาต่างๆเพื่อช่วยให้การเทคโอเวอร์สำเร็จลุล่วง และก็เริ่มวางเป้าหมายไปสู่การคว้าแชมป์รายการต่างๆในอนาคตข้างหน้าแล้ว

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแฟน ๆ ส่วนใหญ่ของ นิวคาสเซิ่ล ต่างเฉลิมฉลองกับการเทคโอเวอร์ของ PIF หลังจากต้องทนทุกทรมานในยุคของ แอชลีย์ มานานกว่า 14 ปี และตอนนี้พวกเขาก็เริ่มมองเห็นอนาคตของตัวเองแล้ว

ในเวลานี้ นิวคาสเซิ่ล กำลังมีฟอร์มย่ำแย่อย่างหนักด้วยการรั้งอันดับ 19 ในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก และผลจากโพลที่ทำการสำรวจจากแฟนๆล่าสุดระบุว่า 94% พวกเขาต้องการให้ สตีฟ บรูซ ลาออกจากตำแหน่งกุนซือเพื่อประโยชน์สูงสุดของสโมสร

สาวก “ทูน อาร์มี่” รายหนึ่งกล่าวว่า “พวกเราดีใจมากๆที่ยุคของ แอชลีย์ จบลงไปแล้ว พวกเขารอคอยที่จะมีความหวัง และมีความเชื่อมั่นในสโมสรฟุตบอลของพวกเราเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี เราไม่ได้เรียกร้องให้สโมสรคว้าถ้วยรางวัลในฤดูกาลหน้า เราแค่ต้องการการเติบโต และขอให้สโมสรมีทิศทางที่ดีขึ้น”

นิวคาสเซิ่ล

วิสัยทัศน์เจ้าของใหม่

PIF มีทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลมูลค่าถึง 3.2 แสนล้านปอนด์ หรือถ้าแปลงเป็นเงินไทยก็ประมาณ 14.72 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งเรียกได้ว่าพวกเขานั้น รวยกว่า ชีค มันซูร์ เจ้าของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 10 เท่า และรวยกว่ากว่า นาสเซอร์ อัล เคไลฟี่ เจ้าของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ถึง 50 เท่าเลยทีเดียว

จากกำลังเงินของเจ้าของสโมสรรายใหม่ นิวคาสเซิ่ล กลายเป็นทีมมหาเศรษฐีในพริบตา พวกเขสามารถต่อกรกับทีมยักษ์ใหญ่ในการลงทุนได้อย่างไม่มีปัญหา และเป้าหมายในอนาคตคือ การก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจในวงการลูกหนัง

 สเตฟลีย์ หนึ่งในผู้บริหารชุดใหม่ นิวคาสเซิ่ล ระบุว่า “เห็นได้ชัดว่าเราต้องการคว้าแชมป์ และนั่นคือสิ่งที่เจ้าของสโมสรฟุตบอลทุกคนจะพูดตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาครอบครองสโมสร แต่ถ้วยรางวัลต่างๆก็ต้องใช้การการลงทุน เวลา ความอดทน และการทำงานเป็นทีมเพื่อไปถึงจุดนั้น เราต้องการให้แฟน ๆ เข้าใจ และไว้วางใจเรา และเราจะรับฟังเสียงของคุณ”

แหล่งข่าวระบุว่า วาระแรกในการประชุมของ PIF คือ การยกเครื่องโครงสร้างของสโมสรทั้งหมด และปรับปรุงการสื่อสารกับแฟนบอล ซึ่งในยุคของ แอชลีย์ แทบไม่มีมาก่อน รวมถึงร่างรายชื่อนักเตะเป้าหมายใหม่ในการเสริมทัพ

นิว

อนาคตของ บรูซ กับ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล

เจ้าของสโมสรใหม่ต้องการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับแฟนบอล และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อนาคตของ บรูซ ในถิ่น เซนต์ เจมส์ ปาร์ค กำลังสั่นคลอนอย่างหนักหลังทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ในฤดูกาลนี้ และหากไม่สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้บางที โค้ชวัย 60 ปี อาจโดนตะเพิดก่อนจบซีซั่น

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับอนาคตของ บรูซ สเตฟลีย์ กล่าวว่า “คำถามทั้งหมดเป็นคำถามสำหรับเดือนหน้า ไม่ใช่คำถามสำหรับวันนี้ เราชอบทบทวน และเราจะกลับมาที่ประเด็นเหล่านั้นอีกครั้ง”

ก่อนหน้านี้ สเตฟลีย์ ชื่นชม ราฟาเอล เบนิเตซ อย่างมาก แต่ในเวลานี้ โค้ชชาวสเปนไปคุมทีม เอฟเวอร์ตัน แล้ว ส่วนแฟนบอลเรียกร้องเทรนเนอร์บิ๊กเนมอย่าง อันโตนิโอ คอนเต้ ที่เคยทำงานกับสโมสรใหญ่อย่าง เชลซี, ยูเวนตุส และ อินเตอร์ มิลาน

หลังจากเริ่มต้นฤดูกาลในพรีเมียร์ลีกได้ไม่ดี เป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือ การอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกให้ได้ แต่หลังจากการเทคโอเวอร์สำเร็จ บางที นิวคาสเซิ่ล อาจมองไปถึงเป้าหมายการทำอันดับไปเล่นในฟุตบอลยุโรปฤดูกาลหน้าแล้ว

, ,

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *