ในวัย 37 ปี อันเดรียส อิเนียสต้า อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติสเปนของ บาร์เซโลน่า ทีมดังแห่ง วงการฟุตบอลยต่างประเทศ ยังคงสนุกอาชีพนักฟุตบอลของตัวเอง และยังคงโลดแล่นอยู่กับ วิสเซล โกเบ ในศึกเจลีก ประเทศญี่ปุ่น
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อิเนียสต้า ประสบความสำเร็จมากมายในฐานะนักเตะทีมชาติสเปน และ บาร์เซโลน่า เขาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1 สมัย, แชมป์ยูโร 2 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 4 สมัย และรายการต่างๆอีกนับไม่ถ้วน
หลังจากอำลา บาร์เซโลน่า ในปี 2018 อิเนียสต้า ก็สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการย้ายมาเล่นกับ วิสเซล โกเบ และเขาก็พาทีมประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์เอ็มเพอเรอร์ คัพ และซูเปอร์ คัพ ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวก็ตัดสินใจต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปอีก 3 ปีเรียบร้อยแล้ว
อันเดรียส อิเนียสต้า อธิบายตัวเอง และย้อนเวลาวัยเด็ก
อดีตกองกลางเลือดกระทิงดุ เริ่มกล่าวว่า “ผมถือว่าตัวเองเป็นผู้เล่นที่เข้าใจง่าย และอ่านเกมล่วงหน้าได้ ในตำแหน่งที่ผมเล่นนั่นอาจเป็นจุดแข็งของผม และผมพยายามใช้ประโยชน์จากความสามารถของตัวเองให้มากที่สุด”
“ในสนามมันอาจมีบางอย่างเกิดขึ้น บางอย่างที่ผมกำลังประมวลผลอยู่ในหัว มันยากที่จะอธิบายพวกมัน มันเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ผมสามารถเรียนรู้สิ่งเหล่านั้นตั้งแต่ผมยังเด็กหรือผ่านการฝึกซ้อมซ้ำๆหลายๆครั้ง”
“สาระสำคัญเหล่านั้นออกมาในการฝึกซ้อมหรือการแข่งขัน เมื่อตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ผมกำลังเล่นอยู่ฟุตบอลตามท้องถนนในบ้านเกิดของผม หรือในสนามเด็กเล่นของโรงเรียน และสภาพแวดล้อมนั้นช่วยให้คุณมีวิวัฒนาการ”
“การเชื่อมต่อกับสภาพแวดล้อมนั้นมันจะทำให้คุณรู้ว่า ตัวเองเป็นใคร และคุณเป็นคนประเภทไหน ซึ่งทำให้คุณเป็นผู้เล่นบางประเภทได้ ทุกวันนี้ เด็ก ๆ อาจจะฝึกฟุตบอลในสนามที่มีการเตรียมพร้อมมากขึ้น ในสภาพแวดล้อมเหล่านั้น พวกเขาจำเป็นต้องพยายามปรับตัว และได้รับทักษะบางอย่าง แต่ละสภาพแวดล้อมช่วยให้คุณดีขึ้น”
อิเนียสต้า เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์มากกว่าคนอื่นๆ เขามี ไมเคิ่ล เลาดรู๊ป และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อดีต 2 กองกลาง บาร์ซ่า เป็นไอดอล และในวัย 12 ปี เขาก็ได้เข้าร่วม “ลา มาเซีย” สถาบันฝึกฟุตบอลของ “เจ้าบุญทุ่ม” ตามความฝันของตัวเอง
ดาวเตะวัย 37 เล่าต่อว่า “การเล่นให้ บาร์เซโลน่า มันเป็นเหมือนการสอบทุกเกม และคุณต้องผ่านมันไปให้ได้ นั่นคือพื้นฐาน และทุกครั้งคุณต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม หล่อหลอมตัวเองให้เข้ากับสไตล์ที่สโมสรต้องการ แต่ยังคงรักษาแก่นแท้ของตัวเองอยู่เสมอ”
“ผมมีโค้ชหลายคน ผมเริ่มต้นกับ หลุยส์ ฟาน กัล จากนั้นก็มี กวาร์ดิโอล่า, หลุยส์ เอ็นริเก้ และ เออร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ โค้ชทุกคนสอนอะไรบางอย่างให้คุณ และคุณสามารถเรียนรู้บางอย่างจากโค้ชทุกคนได้ อาจมีบางครั้งที่ผมได้เล่นน้อยลง แต่นั่นก็เป็นประสบการณ์ก็เติมเต็มผมเช่นกัน”
“คงเป็นเรื่องยากที่จะชี้ให้เห็นโค้ชที่มีอิทธิพลต่อผมมากที่สุด และนั่นก็เหมือนกันกับผู้เล่นที่ผมเล่นด้วย และเรียนรู้จากพวกเขา ผมเคยอยู่ใน บาร์ซา และทีมชาติสเปนในช่วงเวลาที่ดีมากๆ และผมได้อยู่กับผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลก และผมได้เรียนรู้จากพวกเขาทั้งหมดแล้ว”
อิเนียสต้า กล่าวต่อว่า “มันไม่ใช่แค่สิ่งที่คุณมีอยู่รอบตัวคุณเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคู่ต่อสู้ ระบบของคู่ต่อสู้ หรือสไตล์การเล่น ผมคิดเสมอว่า แรงจูงใจในการเรียนรู้นี้คือ แรงกระตุ้นที่ต้องรักษาไว้ การปรับปรุงตัวเองก็สำคัญเช่นกัน คุณสามารถเรียนรู้จากทุกสิ่ง ไม่เพียงแต่จากสิ่งรอบตัวคุณเท่านั้น แต่จากทุกสิ่งรอบๆ การเล่นฟุตบอลของคุณด้วย”
ประสบการณ์มากมาย
อิเนียสต้า มีประสบการณ์โชกโชนในสนาม ซึ่งเขาก็คิดว่ามันเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลกับตัวเองที่ได้เล่นกับคู่แข่งระดับสูง โดยระบุว่า “ผมโชคดีที่ได้ลงเล่นหลายเกมในอาชีพค้าแข้ง และคุณพบกับทีมมากมาย และแฟนบอลหลากหลาย”
“มันเป็นแข่งขันที่แตกต่างกันไม่ว่า คุณเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือ ลา ลีกา หรือทีมชาติ ทีมในอังกฤษ และอิตาลี ก็เล่นแตกต่างกันมาก ยกตัวอย่างผมเคยเล่นกับ ชิลี ที่มี มาร์เซโล่ บิเอลซ่า คุมทีม พวกเขาแข็งแกร่งมาก”
“นอกจากนี้ การได้เผชิญหน้ากับ เรอัล มาดริด ที่ โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นโค้ช หรือตอนที่ คาร์โล อันเชล็อตติ คุมทีมนั้น มันสร้างประสบการณ์ให้กับผมได้เยอะมาก”
“อย่างไรก็ตาม สำหรับผม บาร์ซ่า มีลักษณะเฉพาะโดยเป็นทีมที่ต้องการบอล และต้องการเก็บบอล และในช่วงเวลาที่ กวาร์ดิโอล่า คุมทีม เรามีสไตล์การเล่นที่ดี ซึ่งมันเป็นเวลาที่ทีมต่างๆ มองมาที่เรา และพยายามเรียนรู้จริงๆ”
โอกาสกลับไปยัง บาร์เซโลน่า และอนาคตของ อันเดรียส อิเนียสต้า
ขณะเดียวกัน อิเนียสต้า ยังคิดถึงการกลับไปยังถิ่น คัมป์ นู อยู่เสมอ ซึ่งมันเป็นเหมือนบ้านของเขา โดยระบุว่า “ใช่เลย มันเป็นสิ่งที่ผมต้องการ ผมอยากให้มันเกิดขึ้น เพราะมากกว่าสิ่งอื่นใดคือ พวกเขาเป็นสโมสรที่ผมใช้เวลาหลายปี”
“คุณไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต คุณไม่รู้ว่าผมจะกลับไปได้อย่างไร หรือใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในช่วงเวลาหนึ่ง ดังนั้น มันจึงมีหลายปัจจัยที่ทำให้ยากที่จะดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นจริง แต่ถ้าคุณถามผมว่าต้องการกลับไปไหม คำตอบก็คือ ใช่”
นอกจากนี้ อิเนียสต้า ยังได้เปิดศูนย์ฝึกอบรมฟุตบอลในญี่ปุ่นที่มีชื่อของเขาคือ สถาบัน ‘Iniesta’s Methodology’ แต่อดีตมิดฟิลด์ บาร์ซ่า ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเดินไปทางไหนในอนาคต โดยตอนนี้ก็ยังสนุกกับการเล่นฟุตบอลไปก่อน
“บางครั้งผมก็อยากเป็นโค้ช แต่บางครั้งผมคิดว่า ความสนใจของผมไปในทิศทางอื่น ผมรู้ว่าผมต้องการอยู่ในวงการฟุตบอล และเมื่อผมจบอาชีพ ผมก็อยากได้ใบอนุญาตการฝึกสอน แต่ผมไม่รู้ว่าผมจะใช้มันในอนาคตหรือไม่”
“ไม่มีอะไรที่ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้า และคิดว่า ‘ผมต้องการทำสิ่งนี้’ ดังนั้น สำหรับตอนนี้ ผมจะสนุกกับการเล่น ฝึกซ้อม และรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต” อิเนียสต้า กล่าวทิ้งท้าย