เคลาดิโอ รานิเอรี่ กลับมาสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง หลังจากได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของ วัตฟอร์ด เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ เทรนเนอร์มากประสบการณ์ชาวอิตาเลียนเคยทำงานในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีมาแล้วกับ 3 สโมสรอย่าง เชลซี, เลสเตอร์ ซิตี้ และ ฟูแล่ม
รานิเอรี่ ซึ่งโดนปลดจากตำแหน่งหลังพา เลสเตอร์ สร้างปรากฏการณ์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-2016 ได้เพียง 9 เดือน นั้น จะเข้ามานำทัพ วัตฟอร์ด แทนที่ของ ซิสโก้ มูนยอซ โค้ชชาวสเปนที่ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ในซีซั่นนี้
ขณะเดียวกัน รานิเอรี่ นับเป็นนายใหญ่คนใหม่คนที่ 14 ของ วัตฟอร์ด แล้วหลังจากตระกูล “ปอซโซ่” เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรเมื่อปี 2012 ซึ่งน่าสนใจว่า กุนซือวัย 69 ปีที่มีประสบการณ์ใน วงการฟุตบอลต่างประเทศ จะประสบความสำเร็จกับ “แตนอาละวาด” หรือไม่
เคลาดิโอ รานิเอรี่ กับเส้นทางในช่วงที่ผ่านมา
เทรนเนอร์เลือดมะกะโรนีเคยคุมทีมมาแล้วมากกว่า 20 สโมสรตลอดระยเวลา 35 ปีในเส้นทางผู้จัดการทีม และเจ้าตัวก็เคยคุมทีมชั้นนำอย่าง นาโปลี, ฟิออเรนติน่า, บาเลนเซีย, แอตเลติโก มาดริด, เชลซี, ยูเวนตุส, โรมา, อินเตอร์ มิลาน และ โมนาโก มาแล้ว
หลังสร้างชื่อกับ เลสเตอร์ รานิเอรี่ ก็โดนไล่ออกในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2017 จากนั้น เขาก็โยกไปคุม น็องต์ ในฝรั่งเศส 1 ปี ก่นจะหวนกลับมาทำงานในอังกฤษระยะสั้นๆกับ ฟูแล่ม และกลับไปทำงานในบ้านเกิดกับ โรม่า และ ซามพ์โดเรีย
รานิเอรี่ หมดสัญญากับ ซามพ์โดเรีย เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา และกลายเป็นโค้ชวางง่านตั้งแต่ตอนนั้น โดย เจมส์ ฮอร์นคาสเซิล ผู้เชี่ยวชาญด้านฟุตบอลอิตาลี เล่าว่า “เคลาดิโอ รานิเอรี่ ทำงานกับ ซามพ์โดเรีย ได้เป็นอย่างดี ในตอนนั้นสโมสรไม่มีเงินจนขายนักเตะคีย์แมนไปหลายคน แต่เขาก็ยังพาทีมจบครึ่งบนของตาราง เขายังคงเป็นผู้จัดการทีมที่มีความสามารถมากๆ”
“คุณต้องให้เกียรติเขาด้วย เขากำลังจะอายุ 70 ปีแล้ว เขาสามารถเกษียณได้อย่างมีความสุข ใช้ชีวิตอย่างเป็นแชมป์ลีกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา และไปเที่ยวพักผ่อนได้พูด แต่เขาแค่ต้องการเป็นโค้ช เขารักฟุตบอลมากๆ”
รานิเอรี่ จะเข้ามารับงานกับ วัตฟอร์ด ที่เก็บไปเพียง 7 แต้ม จาก 7 เกมในลีก โดย จาค็อบ คัลชอว์ แกนนำแฟนบอล “แตนอาละวาด” ระบุว่า “รานิเอรี เก่งกว่า ซิสโก้ มูนยอซ ในทางแทคติก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนที่เขาอยู่กับ ซามพ์โดเรีย เขาใช้ระบบ 4-4-2 และนั่นก็เหมาะกับทีมวัตฟอร์ดจริงๆ สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับทีมของรานิเอรี่คือ เขาทำทีมได้ดุดัน”
สิ่งที่ต้องเจอกับ วัตฟอร์ด
นับตั้งแต่ตระกูล ปอซโซ่ เข้ามาเป็นเจ้าของ วัตฟอร์ด เมื่อปี 2012 นั้น พวกเขาใช้โค้ชไปเยอะมากไล่ตั้งแต่ ฌอน ไดซ์, จานฟรังโก โซลา, จูเซปเป้ ซานนิโน, ออสการ์ การ์เซีย, บิลลี่ แมคคินเลย์, สลาวิซา โยคาโนวิช, กีเก้ ซานเชซ ฟลอเรส, วอลเตอร์ มาซซารี, มาร์โก ซิลวา, ฆาบี การ์เซีย , ไนเจล เพียร์สัน, วลาดิมีร์ อิวิค , มูนอซ และล่าสุด รานิเอรี่
คริส ซัตตัน อดีตกองหน้า แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส และทีมชาติอังกฤษ ซึ่งปัจจุบันรับบทกูรูมองว่า วัตฟอร์ด เป็นสโมสรที่แปลก โดยระบุว่า “แฟน ๆ วัตฟอร์ด จะบอกว่า มันสมเหตุสมผล และเจ้าของสโมสรทำได้ดีทีเดียวที่ปลดโค้ช แต่มันยากที่จะเปรียบเทียบกับทีมอย่าง เชลซี ที่เปลี่ยนโค้ชบ่อยเช่นกัน”
“เชลซี คว้าแชมป์ได้มากมาย และมีเงินจ่ายค้าจ้างกุนซือระดับท็อป แต่ วัตฟอร์ด ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ผมคิดว่า มันเหมือนเป็นแนวทางแก้ปัญหาในระยะสั้น และดูเหมือนว่า พวกเขาจะตัดสินใจไล่ มูนยอซ มานานแล้ว”
เจฟฟ์ ดอยล์ กูรูลูกหนังแดนผู้ดีอีกรายระบุว่า “หากคณะกรรมการของสโมสรไม่รู้สึกว่า หัวหน้าโค้ชกำลังทำผลงานได้ย่ำแย่ และไม่สามารถรีดศักยภาพนักเตะออกมาได้ ส่วนใหญ่แล้วโค้ชก็จะโดนไล่ออก ส่วนบอร์ดบริหารจะอยู่เหมือนเดิม”
“ผมคิดว่า มันค่อนข้างรุนแรงสำหรับ ซิสโก้ มูนอซ ที่พา วัตฟอร์ด กลับมาเข้าสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง เขาเป็นโค้ชหนุ่มที่ขาดประสบการณ์เล็กน้อย และผลงานส่วนใหญ่ในฤดูกาลนี้ก็ยังไม่ดีนัก แต่เขาก็สมควได้เวลาเพื่อพิสูจน์ตัวเองอีกหน่อย”
“วัตฟอร์ด ได้ปรับใช้นโยบายการจ้างงาน และการเลือกโค้ชภายใต้การตัดสินใจของตระกูล ปอซโซ่และพวกเขาก็ประสบความสำเร็จในการพาสโมสรกลัลมาสู่พรีเมียร์ลีก และให้เวลา 5 ปีในลีกสูงสุด แต่ตอนนี้พวกเขากลัวสโมสรต้องตกชั้นอีกครั้ง และอาจจะบอกได้ว่า พวกเขาจำเป็นต้องตัดสินใจทันทีเกี่ยวกับสถานะของโค้ช”
“ผมคิดว่า ในระยะยาวมันเป็นนโยบายที่ผิดพลาดเล็กน้อย เนื่องจากสโมสรขาดความมั่นคง และความสามัคคี แล้วถ้า รานิเอรี่ ยังทำผลงานได้ไม่ดีล่ะ เขาก็คงโดนไล่ออกอีก”
หลังจากนี้มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่งของทั้ง วัตฟอร์ด และ รานิเอลรี่ ว่าจะเป็นการจับคู่ที่ลงตัวหรือไม่ ซึ่งหากผลงานออกมาดีทุกอย่างก็คงราบรื่น แต่หากโค้ชวัย 69 ปี ยังพาทีมพลิกฟอร์มเก่งไม่ได้ บางทีเขาก็อาจอยู่ไม่ครบสัญญา 2 ปี ก็เป็นได้