ระเบิดเวลาที่ บาร์ซ่า

หลังจากที่ โจน ลาปอร์ต้า ได้รับเลือกเป็นประธานสโมสร “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ทีมดังแห่งศึกลา ลีกา สเปน และ วงการฟุตบอลต่างประเทศ เมื่อมีนาคมที่ผ่านมานั้น สิ่งแรกที่เขาทำคือ ประกาศอย่างชัดเจนว่า โรนัลด์ คูมัน โค้ชชาวดัตช์ไม่ได้เป็นคนที่เขาต้องการ

 6 เดือนต่อมา ลาปอร์ต้า ตกเป็นข่าวว่าเปลี่ยนใจอาจจะต่อสัญญาฉบับใหม่กับ คูมัน ที่จะหมดสัญญาในปี 2022 ออกไปอีก 1 ปี ซึ่งดูเหมือนว่า เทรนเนอร์ชาวฮอลแลนด์วัย 58 ปี จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในช่วงวิกฤตของสโมสร

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครกล้ายืนยันว่า ลาปอร์ต้า จะต่อสัญญากับ คูมัน ออกไป ซึ่งตอนนี้มันเป็นสถานการณ์กำลังตึงเครียดระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย โดย ลาปอร์ต้า เองก็ตกเป็นข่าวว่า มองหากุนซือคนใหม่ให้ บาร์เซโลน่า อยู่ตลอดเวลา และชื่อของ โรแบร์โต มาร์ติเนซ นายใหญ่ทีมชาติเบลเยียมก็เป็นคนที่เขาสนใจ

จุดเริ่มต้นการแตกหักของ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า

ลาปอร์ต้า และ คูมัน เคยคุยกันมาแล้วในช่วงก่อนเริ่มฤดูกาลนี้จะเริ่มขึ้น โดย ลาปอร์ต้า ได้บอกกับ คูมัน ว่า เขาขอเวลา 14 วันในการตัดสินใจว่า คูมัน จะได้ทำงานในถิ่น คัมป์ นู ต่อไปหรือไม่ ซึ่งมันเป็นการซื้อเวลาในการมองาเทรนเนอร์คนใหม่ บาร์ซ่า

ลาปอร์ต้า ได้ทาบทาม ชาบี เอร์นานเดซ อดีตมิดฟิลด์ระดับตำนานของ บาร์เซโลน่า ที่ปัจจุบันคุม อัล ซาดด์ ในกาตาร์ให้กลับมารับงานกับ “เจ้าบุญทุ่ม” แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ตัวเลือกอื่นอย่าง จูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ โค้ชหนุ่มฝีมือดีก็เลือกอำลา แอร์เบ ไลป์ซิก ไปคุม บาเยิร์น มิวนิค

ข่าวลือที่ ลาปอร์ต้า ให้ความสนใจทั้ง ชาบี และ นาเกลส์มันน์ นั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มันส่งผลทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ คูมัน แย่ลงไปอีก แลนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สถานการณ์ในถิ่น คัมป์ นู เกิดความคลุมเครือ

ขณะเดียวกัน บาร์เซโลน่า ต้องจ่ายเงิน 6 ล้านยูโรในการปลด คูมัน ออกจากตำแหน่ง และบางทีมันอาจมากขึ้นไปถึง 12 ล้านยูโรเมื่อพิจารณาจากรายละเอียดต่างๆในสัญญา ซึ่งมันค่อนข้างสูงมากในสภาวะที่กำลังวิกฤตของ “เจ้าบุญทุ่ม”

การแก้ปัญหาที่ผิดวิธี

หลังจากอนาคตของ คูมัน ตกอยู่ในความไม่แน่นอนมาอย่างยาวนาน ลาปอร์ต้า ก็หาทางออกด้วยการเรียกนักข่าวในแดนกระทิงดุมาบรรยายสรุปเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับโค้ชชาวดัตช์ว่า จะดำเนินไปในทิศทางใด

ลาปอร์ต้า กล่าวว่า เขาพร้อมจะต่อสัญญากับ คูมัน ออกไป แต่มีเงื่อนไขคือ อดีตเทรนเนอร์ เซาแธมป์ตัน และ เอฟเวอร์ตัน ต้องพาทีมกลับไปเล่นในสไตล์ที่สวยงามเหมือนยุคก่อน และต้องใช้ระบบ 4-3-3 เป็นหลักรวมถึงให้นักเตะอย่าง ซามูเอล อุมติตี้ กองหลังชาวฝรั่งเศสได้ลงสนามมากขึ้นด้วย

ความพยายามของ ลาปอร์ต้า ไม่เพียงแต่ในฐานะคนที่รับผิดชอบการตัดสินใจทางการเงินของสโมสรเท่านั้น แต่ยังเห็นได้ชัดว่า ในฐานะผู้รับผิดชอบปรัชญาฟุตบอล และอนาคตของผู้จัดการทีม ซึ่งทั้งหมดนี้มันเป็นสัญญาณใหม่ของสโมสรที่ตกอยู่ในความสับสน

มันเป็นการดีที่จะบอกว่า บาร์ซ่า ต้องเล่นในแบบของ โยฮันน์ ครัฟฟ์ ตำนานกุนซือชาวฮอลแลนด์ แต่ภายใต้การคุมทีมของ คูมัน นั้น “เจ้าบุญทุ่ม” เล่นฟุตบอลด้วยการใช้พละกำลังมากกว่าการเล่นในสไตล์ที่สวยงาม

ขณะเดียวกัน การแถลงข่าวของ ลาปอร์ต้า ก็ทำให้ คูมัน กลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น และทำให้เทรนเนอร์ชาวดัตช์ได้รับความเคารพน้อยลง แต่ คูมัน ก็พร้อมจะแสดงให้เห็นว่า เขาคือคนที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ บาร์เซโลน่า พ้นวิกฤต

คูมัน ต้องเผชิญกับการแก้ปัญหาที่ บาร์เซโลน่า ปล่อยนักเตะดังอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ, ลิโอเนล เมสซี่ และ อองตวน กรีซมันน์ ออกไป และในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เปิดบ้านพ่ายให้กับ บาเยิร์น มิวนิค 0-3 นั้น พวกเขาต้องใช้นักเตะที่ไม่มีประสบการณ์อย่าง ยูซุฟ เดเมียร์, อเลฮานโดร บัลเด และ กาบี ลงสนาม

ในขณะที่เด็ก ๆ ดาวรุ่งได้รับการยกย่องอย่างมากสำหรับความพยายามของพวกเขาในเกมกับ บาเยิร์น แต่ความจริงก็คือ บาร์เซโลน่า ไม่มีนักเตะระดับซีเนียร์ที่ไว้ใจได้อีกแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พวกเขากำลังเจอช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างมาก

สถานการณ์ตึงเครียดของ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า

หลังจากพ่าย บาเยิร์น แบบหมดทางสู้ ลาปอร์ต้า ก็โมโหอย่างหนักกับฟอร์มการเล่นของทีม ขณะที่ คูมัน ก็ไม่คิดว่า เป็นความผิดของเขา โดยโค้ชชาวดัตช์ระบุว่า “เมื่อคุณเริ่มหว่านพืช คุณจะเก็บผลทันทีไม่ได้หรอกนะ”

 รายงานข่าวระบุว่า ลาปอร์ต้า ได้พบกับที่ปรึกษาเขาอีก 2 คนเพื่อหารือกันว่า จะทำอะไรได้บ้างเพราะเขาอารมณ์เสียมากที่ คูมัน พาทีมแพ้ บาเยิร์น และมันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ที่ บาร์เซโลน่า ไม่ได้ยิงตรงกรอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ขณะที่ คูมัน ก็แสดงให้เห็นว่า เขากำลังพยายามอย่างสุดความสามารถของตัวเองแล้วกับสภาพทีม บาร์เซโลน่า ในปัจจุบันท่ามกลาววิกฤตของสโมสร ซึ่งจะไปโทษว่าเป็นความผิดของเทรนเนอร์ชาวดัตช์เพียงฝ่ายเดียวไม่ได้

คูมัน เดินอยู่ในเส้นทางที่พลาดไม่ได้ เพราะ ลาปอร์ต้น จ้องจะเชือดเขาทุกเมื่อหากได้ตัวแทนที่เหมาะสม ดังนั้น ช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาลนี้น่าสนใจมากว่า โค้ชวัย 58 ปี กับ ลาปอร์ต้า ใครจะเป็นฝ่ายชนะท่ามกลางวิกฤตนี้