เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า แบ็กขวาชาวสเปนกัปตันทีม เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อาจจะเดินออกจากทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม” เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลนี้ แต่เขาจะจากไปในฐานะเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ สแตมฟอร์ด บริดจ์ อย่างไม่มีใครกล้าปฏิเสธ
ย้อนกลับไปในปี 2012 ข้อความประกาศของสโมสร เชลซี ที่ระบุผ่านเว็บไซต์ว่า “สโมสรฟุตบอล เชลซี มีความยินดีที่จะประกาศการเซ็นสัญญากับ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า” จะกลายมาเป็นประวัติศาสตร์ของ “สิงโตน้ำเงินคราม” จนถึง ณ เวลานี้
เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า กัปตันแห่งประวัติศาสตร์ของ เชลซี
ในเวลานั้น แบ็คขวาชาวสเปนวัย 22 ปี ซึ่งเพิ่งเป็นตัวแทนของพลพรรค “กระทิงดุ” ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กำลังย้ายจาก โอลิมปิก มาร์กเซย ในลีกเอิง ฝรั่งเศส มาเล่นกับ เชลซี และอีกหนึ่งทศวรรษต่อมาเขากลายเป็นประวัติศาสตร์ของสโมสรไปเรียบร้อยแล้ว
ช่วงแรกทึ่ย้ายมา อัซปิลิกวยต้า ไม่เป็นที่สนใจของแฟนบอล เชลซี มากนัก เนื่องจากเขาไม่ใช่นักเตะระดับซุเปอร์สตาร์ค่าตัวแพงที่ทีมเคยคว้าตัวเข้ามาเสริมทัพ แต่หลังจากนั้น 10 ปีต่อมา เขากลายเป็นผู้เล่นที่สาวก “สิงโตน้ำเงินคราม” ให้ความเคารพอย่างมาก
อดีตกองหลัง มาร์กเซย พา เชลซี คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย, ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก 2 สมัย, ยูฟ่า ซุเปอร์ คัพ 1 สมัย และล่าสุดแชมป์สโมสรโลก 1 สมัย ซึ่งเขากลายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าลำกับต้นๆของ โรมัน อับราโมวิช เจ้าของสโมสรชาวรัสเซียของ เชลซี
อัซปิลิกวยต้า ย้ายมาเล่นกับ เชลซี ด้วยค่าตัวเพียง 6.5 ล้านปอนด์ และกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร และถึงแม้เขาอาจไม่ใช่ลูกหม้อของทีมอย่าง จอห์น เทอร์รี่ แต่กองหลังชาวสเปนก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม
ภายใต้การทำงานร่วมกับอดีตกุนซือ เชลซี หลายๆคน อัซปิลิกวยต้า ก็ยังยืนหยัดเป็นตัวจริงมาได้ตลอด ถึงแม้จะถูกปรับเปลี่ยนบทบาท และตำแหน่งการเล่นก็ตาม ซึ่งมันเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความยอดเยี่ยมด้านเกมรับและความเข้าใจเกี่ยวกับการเล่นฟุตบอลของเจ้าตัว
อัซปิลิกวยต้า ถูกเซ็นสัญญาเข้ามาในฐานะแบ็คขวา แต่ในช่วงแรกเขากลับถูกจับไปเล่นเป็นแบ็คซ้ายเพื่ออุดช่องโหว่หลังจาก แอชลีย์ โคล อดีตแบ็คซ้ายทีมชาติอังกฤษย้ายออกไป ซึ่งเขาก็ทำงานของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมภายใต้การทำงานกับ โชเซ่ มูรินโญ่ โค้ชชาวโปรตุเกส
หลังจาก อันโตนิโอ คอนเต้ เทรนเนอร์ชาวอิตาเลียนเข้ามาคุม เชลซี นั้น เขาก็ปรับระบบด้วยการยืนกองหลัง 3 คน ซึ่ง อัซปิลิกวยต้า ก็รับบทบาทเซ็นเตอร์แบ็คฝั่งขวาได้อย่างแข็งแกร่ง และทำให้ “สิงโตน้ำเงินคราม” มีเกมรับเหนียวแน่น
ขณะเดียวกันในยุค แฟรงค์ แลมพาร์ด ต่อด้วย โธมัส ทูเคิ่ล นั้น อัซปิลิกวยต้า ก็ถูกจับมาเล่นป็นแบ็คขวาตามที่ถนัด และเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีเช่นเคย รวมถึงกลายเป็นผู้บัญชาการในเกมรับของทีมอย่างแท้จริงในช่วงหลัง
ฟอร์มการเล่นสม่ำเสมอ และสภาพร่างกายแข็งแกร่ง
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือ นอกจากฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอแล้ว อัซปิลิกวยต้า ยังมีสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งโดยดูได้จากสถิติที่เขาลงเล่นให้กับ เชลซี เกิน 40 เกม มา 9 ฤดูกาลติดต่อกันแล้ว ซึ่งจนถึง ณ เวลานี้ เขาลงสนามรวมทักรายการไปมากถึง 459 เกม ซัดไป 15 ประตู
ขณะเดียวกัน มีเพียง ปีเตอร์ เช็ก นายทวารทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก เป็นนักเตะชาวต่างชาติเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ลงสนามให้ เชลซี มากกว่า อัซปิลิกวยต้า และหากกองหลังชาวสเปนรย้ายออกจาก สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในซัมเมอร์นี้ก็จะทำให้เขาได้รับการจารึกว่า เป็นผู้เล่นอันดับ 7 ที่ลงสนามมากที่สุดให้กับ “สิงโตน้ำเงินคราม”
อย่างไรก็ตาม มันก็มีความเป็นไปได้ว่า อัซปิลิกวยต้า อาจจะอยู่กับ เชลซี ต่อไป แต่บางทีอนาคตของเขาอาจจะอยู่บนม้านั่งสำรอง เมื่อพิจารณาถึงพัฒนาการของ รีซ เจมส์ แบ็คขวาดาวรุ่งชาวอังกฤษที่โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้
ความสนใจของ เชลซี ในการเซ็นสัญญา จูลส์ คูเด้ ปราการหลังชาวฝรั่งเศส ของ เซบีย่า เมื่อซัมเมอร์ที่แล้วนั้น มีความเป็นไปได้ที่แนวรับใหม่สายเลือดใหม่กำลังจะถูกสร้างขึ้นมา และอาจทำให้ อัซปิลิกวยต้า ต้องเดินจากไปเพื่อหาโอกาสลงสนามอย่างสม่ำเสมอ
บางทีจุดพีคของ อัซปิลิกวยต้า อาจอยู่ระหว่างปี 2014 – 2019 เขาทำผลงานได้ไม่มีที่ติ เข้าปะทะได้แม่นยำ ผ่านบอลั้น-ยาว ได้ รวมถึงมีความฉลาดทางการเล่นฟุตบอลเพื่อปรับให้เข้ากับบทบาทใหม่และเพื่อตอบสนองความสมบูรณ์แบบของกุนซือ
อัซปิลิเกวต้า อาจไม่ได้เป็นแบ็คที่มีจุดเด่นในการเติมเกมรุกอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ของ ลิเวอร์พูล หรือ เจา คันเซโล ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือเป็นผู้ทำประตูในกรอบเขตโทษได้ดีอย่าง เจมส์ แต่เขาก็รักษามาตรฐานของตัวเองมาตลอด
หลายปีที่ผ่านมา อัซปิลิเกวต้า ทำผลงานส่วนตัวได้อย่างยอดเยี่ยม และบางทีมันก็น่าเสียดายอย่างมากสำหรับแฟนบอล เชลซี ที่แบ็คชาสเปนรายนี้จะต้องอำลาสโมสรไป