เดเล่ อัลลี่ เคยถูกมองว่า จะก้าวขึ้นมาเป็นอนาคตของทีมชาติอังกฤษหลังจากแจ้งเกิดขึ้นมากับ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ทีมดังแห่ง พรีเมียร์ลีก แต่หลังจากนั้น เส้นทางอาชีพของเขาไม่เป็นตามที่หวังเอาไว้ และตอนนี้ในวัย 25 ปี เขาย้ายมาเล่นกับ เอฟเวอร์ตัน ในวันเดดไลน์ของตลาดนักเตะเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ย้อนกลับไปในเดือนมกราคมปี 2015 อัลลี่ ย้ายจาก มิลตัน คีนส์ ดอนส์ ในลีก วัน มาเล่นกับ สเปอร์ส ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ ก่อนจะถูกปล่อยยืมตัวกลับไปยังทีมเก่าจนจบฤดูกาล ซึ่งเขาได้รับการยกย่องว่า เป็นดาวรุ่งฝีเท้าดีลำดับต้นๆของเมืองผู้ดี
เดเล่ อัลลี่ อดีตยอดดาวรุ่งเมืองผู้ดี
ในปีดังกล่าว อัลลี่ เคยให้สัมภาษณ์อย่างมั่นใจที่งานประกาศรางวัลฟุตบอลยอดเยี่ยมของลีก วัน หลังจากย้ายทีมแบบก้าวกระโดดจาก มิลตัน คีนส์ ดอนส์ ไปยัง สเปอร์ส ว่า “ผมจะแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งตัวจริงให้ได้”
คำพูดของ อัลลี่ มันแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจ เขาไม่ได้หยิ่ง เขามักจะมองว่า เป็นคนสุภาพ และให้เกียรติคนอื่นอยู่เสมอ แต่เขามักจะกำหนดมาตรฐานที่สูงสำหรับตัวเอง ซึ่งมันเป็นแนวทางที่ยอดเยี่ยม และเขาก็ซื่อตรงต่อคำพูดของตัวเอง
หลังย้ายมายัง สเปอร์ส อัลลี่ ก็ได้ประเดิมสนามในเกมแรกของฤดูกาลทันทีในเกมที่ออกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด และอีก 2 สัปดาห์ต่อมา เขาก็ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีกสำเร็จด้วยการยิงใส่ เลสเตอร์ ซิตี้
อัลลี พัฒนาฝีเท้าอย่างรวดเร็ว และทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถูกเรียกตัวไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ และกลายเป็นขาประจำในทัพ “สิงโตคำราม” โดยที่หลายคนมองว่า เขาจะเป็นกำลังสำคัญของทีมไปอีกหลายปี
แฟรงค์ แลมพาร์ด ซึ่งเป็นอดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษ และตอนนี้เข้ามาเป็นกุนซือ เอฟเวอร์ตัน และเป็นส่วนสำคัญในการคว้า อัลลี่ มาร่วมทีมกล่าวว่า “เดเล่ เป็นผู้เล่นที่พิเศษ เขาเก่งกว่าผมตอนผมอายุ 20 เสียอีก เขามีความสามารถพิเศษในการเคลื่อนที่ และทำประตูได้อย่างยอดเยี่ยม”
“ผู้เล่นมิดฟิลด์ตัวรุกจำนวนมากเมื่อไปถึงกรอบเขตโทษ และไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไป แต่เขาเป็นคนที่มีจุดมุ่งหมายในการวิ่ง และหาจังหวะทำประตูได้อย่างสม่ำเสมอ เขาเก่งมาก แม้แต่ในเวทีนานาชาติ เขาก็ยังเล่นได้แบบสบายๆ”
“เขาเล่นร่วมกับ แฮร์รี่ เคน ได้อย่างสุดยอด เพราะการวิ่งของเขานั้นยอดเยี่ยมจริงๆ ความสามารถของเขาในกรอบเขตโทษ และความสามารถของเขาในการไปถูกที่ถูกเวลานั้นนั้นดีจริงๆ และพวกมันก็เข้าขากันได้เป็นอย่างดี”
“ฤดูกาลนี้เขาเล่นค่อนข้างสูง จากนั้น เขาก็ถอยกลับไปเป็นมิดฟิลด์ เขายังไม่พบความสม่ำเสมอของสิ่งที่ตัวเองเลย ผมคิดว่า ในแง่ของผู้เล่นอายุน้อยการเล่นในบทบาทที่คุ้นเคยเป็นสิ่งสำคัญ และแน่นอนว่าคุณภาพในการจบสกอร์ของเขานั้นยังยอดเยี่ยมอยู่”
“ผมเห็นการวิ่งของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก สมัยเป็นนักเตะผมพยายามวิ่งตามหลังกองหลังเสมอเพราะว่าบางครั้งกองหลังก็จะประกบผมตลอดเวลา และพวกเขาจะไม่เห็นเมื่อผมวิงตามหลัง”
เริ่มต้นใหม่กับ เอฟเวอร์ตัน
ในเวลานี้ แลมพาร์ด กับ อัลลี่ ได้มาร่วมงานกับที่ เอฟเวอร์ตัน แล้ว โดย ฟาร์ฮัด โมชิรี เจ้าของทีม “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เป็นคนที่ดึง แลมพาร์ด ซึ่งว่างงานมา 1 ปี หลังโดน เชลซี ไล่ออก มาทำงานแทน ราฟาเอล เบนิเตซ โค้ชชาวสเปนที่ทำผลงานได้ย่ำแย่ในซีซั่นนี้
โมชิรี กล่าวถึง แลมพาร์ด ว่า “เขาเป็นคนหนึ่มที่น่าประทับใจ คุณสามารถเชื่อมโยงกับเขาได้อย่างรวดเร็ว เขาเป็นคนที่มีความคิดเชิงบวกอยู่เสมอ และมีความมั่นใจที่จะเข้ามาทำงานที่สโมสรแห่งนี้ เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากๆ”
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะสรุปว่าอดีตนายใหญ่ของ เชลซี อาจเป็นบุคลิกที่เหมาะสมในการดึง อัลลี่ ให้กลับมาอยู่ในระดับฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดของตัวเองอีกครั้ง และพวกเขาทั้งคู่น่าจะทำให้ เอฟเวอร์ตัน แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
งานของ แลมพาร์ด คือ ช่วยให้ อัลลี่ กลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้องอีกครั้ง และพาจิตวิญญาณการต่อสู้ของอดีตยอดดาวรุ่งเมื่อ 5 ปีที่แล้วกลับมา และบางที มิดฟิลด์วัย 25 ปี อาจจะได้ลุ้นมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษไปลุยฟุตบอลโลกในปีนี้
ขณะเดียวกัน อัลลี่ กล่าวหลังย้ายจาก สเปอร์ส มาเล่นกับ เอฟเวอร์ตัน ในวันเดดไลน์ ว่า “ผมแค่อยากมีความสุขกับการเล่นฟุตบอลอีกครั้ง ผมตื่นเต้นมาก ผมเหนื่อยเล็กน้อยจากวันที่ยาวนาน แต่เราบรรลุข้อตกลงในที่สุด ผมมีความสุขมากๆ”
“ผมได้พูดคุยกับเขา แลมพาร์ด มาบ้างแล้ว เขาเป็นผู้เล่นที่ผมชื่นชมตลอดอาชีพการงานของเขา ผมเฝ้าดูเขามานาน ผมยินดีที่ได้ร่วมงานกับเขา มันน่าตื่นเต้นมาก ผมแน่ใจว่าเราสามารถทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมได้ ด้วยกันได้ที่สโมสรแห่งนี้”
“ผมแค่อยากจะมีความสุขกับการเล่นฟุตบอล การทำงานกับ แลมพาร์ด และผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมของเอฟเวอร์ตัน เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผมที่จะทำอย่างนั้น ผมตื่นเต้นที่ได้ย้ายมาที่นี่ ผมอยากแสดงให้แฟน ๆ เห็นว่าผมสามารถทำอะไรได้บ้าง และช่วยสโมสรเท่าที่ผมจะทำได้” กองกลางตัวใหม่ เอฟเวอร์ตัน กล่าวปิดท้าย