เมื่อ เฟลิเป้ คูตินโญ่ จอมทัพทีมชาติบราซิลย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไปเล่นกับ บาร์เซโลน่า สโมสรดังแห่ง วงการฟุตบอลต่างประเทศ ในเดือนมกราคมปี 2018 นั้น เขายอมรับว่า มันคือการย้ายทีมที่ฝันเป็นจริงของตัวเอง แต่ 4 ปีต่อมามันกลับกลายเป็นฝันร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ
นับตั้งแต่ก้าวออกจากเกาะอังกฤษเมื่อ 4 ปีที่แล้ว กองกลางวัย 29 ปี ได้โอกาสหวนกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีก อีกครั้งหลังบรรลุข้อตกลงย้ายจาก บาร์เซโลน่า มาเล่นด้วยสัญญายืมตัวกับ แอสตัน วิลล่า จนจบฤดูกาล 2021-22 เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา
คูตินโญ่ จะได้ร่วมงานกับอดีตเพื่อนร่วมทีม ลิเวอร์พูล อย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่ปัจจุบันเป็นกุนซือ วิลล่า ซึ่งหลายครนตั้งคำถามว่า การย้ายมายังถิ่น วิลล่า พาร์ค นั้น จะเป็นการฟื้นฟูอาชีพของเพลย์เมคเกอร์แซมบ้าหรือไม่?
เฟลิเป้ คูตินโญ่ นักมายากลแห่งเมอร์ซียไซด์สู่ฝันร้ายที่ บาร์ซ่า
เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ไม่ได้ปกปิดความผิดหวังเมื่อ คูตินโญ่ จากไปในปี 2018 โดยเขาระบุว่า “ด้วยความไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่เราในฐานะทีม และสโมสรจะต้องเตรียมที่จะกล่าวคำอำลากับเพื่อนที่ดี คนที่ยอดเยี่ยม และผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมอย่าง คูตินโญ่ และด้วยความสัมพันธ์ที่เรามีกับเขา เราขอให้เขชาโชคดี”
คล็อปป์ กล่าวอำลา คูตินโญ่ แบบสุดเสียดาย โดยในฤดูกาล 2017-18 นั้น มิดฟิลด์ชาวบราซิลลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีกไป 20 เกม ซัดไป 12 ประตู กับอีก 8 แอสซิสต์ รวมถึง 5 ประตูจากหลายๆ เกมในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
สไตล์การเล่นของ คูตินโญ่ ทำให้ ลิเวอร์พูล มีเกมรุกที่น่ากลัวอย่างมาก และการเลี้ยงบอลจากซ้ายตัดเข้ามายิงด้วยเท้าขวาก็กลายเป็นเครื่องหมายการค้าของเขาไปแล้ว โดยดาวเตะวัย 29 ปี ยิง 19 ประตูในพรีเมียร์ลีกจากนอกเขตโทษให้กับ “หงส์แดง” และมีเพียง เจอร์ราร์ด เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทได้มากกว่าเขา
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ไม่ได้มองย้อนกลับไปอีกแล้ว โดยค่าตัว 142 ล้านปอนด์ที่พวกเขาได้รับจาก บาร์เซโลน่า กลายเป็นการเสริมทัพชั้นยอดด้วยการคว้าตัว เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และ อลิสสัน เบ็คเกอร์ เข้ามาสู่ทีม
ขณะเดียวกัน ลิเวอร์พูล ยังเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ในฤดูกาลที่ แข้งชาวบราซิลออกจากทีม ก่อนจะคว้าแชป์ได้สำเร็จในปีต่อมา และตามด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีของ “หงส์แดง” อีกด้วย
ขณะที่ คูตินโญ่ ก็ต้องแบกรับความกดดันทันทีหลังย้ายไป บาร์เซโลน่า ในฐานะผู้สืบทอดตำแหน่งของ อันเดรส อิเนียสต้า อดีตยอดกองกลางทีมชาติสเปนของพลพรรค “เจ้าบุญทุ่ม” และเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดแห่งยุค
แอนดี้ เวสต์ กูรูลูกหนังแดนกระทิงดุกล่าวว่า “มันชัดเจนอย่างทันทีว่า คูตินโญ่ ไม่เหมาะกับบทบาทใหม่ที่ บาร์เซโลน่า คาดหวังเอาไว้ เขาต้องการเล่นเกมรุกมากกว่าตำแหน่งกองกลางที่ อันเดรส อิเนียสต้า เคยทำหน้าที่อยู่”
“เขาชอบที่จะไปทั่วพื้นที่ในระหว่างแดนกลาง และแดนหน้า และหาช่องว่างระหว่างแนวของกองกลางฝ่ายตรงข้าม และช่องวางแนวรับ แต่ บาร์เซโลน่า มีคนทำหน้าที่นั้นอยู่แล้ว และไม่มีทางที่เขาจะแย่งชิงหน้าที่สร้างเกมจาก ลิโอเนล เมสซี่ ได้เลย”
“ดังนั้น โดยทั่วไปแล้ว คูตินโญ่ มักจะเข้ามาขวางทาง เมสซี่ และขัดขวางจังหวะของทีมด้วยการสัมผัสบอลที่มากเกินไป และลูกยิงไกลของเขาก็ไม่ประสบความสำเร็จด้วย”
ขณะที่ กิเลียม บาลาเก้ นักข่าวฟุตบอลชาวสเปน กล่าวเสริมว่า “เขามีเวลา 6 เดือนที่ดีมากเมื่อเขามาถึง บาร์เซโลน่า เป็นครั้งแรก พวกเขาคิดว่า เขาคือตัวแทนของ อิเนียสต้า ซึ่งเป็นกองกลางที่ส่งบอลได้แม่นยำ แต่ คูตินโญ่ ไม่ใช่ผู้เล่นแบบนั้น เขาไม่ได้จ่ายบอลเร็วขนาดนั้น และความมั่นใจของเขาลดลงไป”
อดีตแข้ง ลิเวอร์พูล มีฟอร์มที่น่าผิดหวังในปี 2018-19 จากนั้น บาร์เซโลน่า ก็เซ็นสัญญากับ อองตวน กรีซมันน์ หัวหอกชาวฝรั่งเศส มาจาก แอตเลติโก มาดริด และ คูตินโญ่ ก็ถูกส่งไปยัง บาเยิร์น มิวนิค ด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล
อย่างไรก็ตาม คูตินโญ่ แทบไม่ได้ลงเล่นให้ บาเยิร์น เลย และทาง “เสือใต้” ก็ไม่ซื้อเขาไปร่วมทีมเป็นการถาวร ซึ่งทำให้ดาวเตะชาวบราซิลต้องหวนกลับไปยัง บาร์เซโลน่า อีกครั้ง แต่เขาก็โชคร้ายได้รับบาดเจ็บยาว 8 เดือน
ในตอนนี้ คูตินโญ่ กลับมาฟิตได้อีกครั้ง แต่เขาก็ไม่อยู่ในแผนการทำทีมของ ชาบี เอร์นานเดซ กุนซือคนใหม่ของ บาร์เซโลน่า จึงทำให้ถูกปล่อยตัวมายัง วิลล่า เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของสโมสร
ทางเดินใหม่ที่ วิลล่า
หาก คูตินโญ่ สามารถค้นพบฟอร์มที่ใกล้เคียงกับระดับการเล่นที่เคยทำกับ ลิเวอร์พูล ได้ วิลล่า ก็อาจจะคว้าตัวเขาไปร่วมทีมเป็นการถาวรตามออฟชั่นที่ระบุไว้จำนวน 33 ล้านปอนด์ และมันอาจจะทำให้เขากลับมามีเส้นทางที่ดีอีกครั้ง
บาลาเก้ กล่าวว่า “ผมคิดว่า แอสตัน วิลล่า อยู่ในระดับเดียวกับ คูตินโญ่ ในตอนนี้ เขาไม่ใช่นักเตะรดะดับท็อปโฟร์ หรือท็อปไฟว์ของโลกอีกต่อไปแล้ว มันเป็นเรื่องของจิตใจ มีคนแนะนำให้เขาไปบราซิล และผมไม่คิดว่านั่นจะเป็นความคิดที่แย่สำหรับเขาที่จะรับความมั่นใจแล้วกลับไปยุโรป
“แต่การมาที่พรีเมียร์ลีกด้วยความเร็ว และความเข้มข้นในสนามนั้น อาจจะส่งผลให้เขาฟอร์มหลุดไปอีกครั้งหลังจากไม่ได้ลงสนามมานานมากแล้ว และผมก็ไม่เห็นว่าเขาจะประสบความสำเร็จได้”