ไรอัน เซสเซยง กับการเกิดใหม่ในเล้า “ไก่”

ไรอัน เซสเซยง แบ็คซ้ายาดาวรุ่งชาวอังกฤษของ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ สโมสรดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก ยอมรับว่า ชีวิตของเขาเจอความท้าทายอย่างมากหลังย้ายจาก ฟูแล่ม มาเล่นกับ “ไก่เดือยทอง” ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์เมื่อเดือนสิงหาคม 2019

หลังย้ายมาเล่นกับ สเปอร์ส เซสเซยง ต้องทำงานร่วมกับกุนซือถึง 4 ราย ปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรัง และถูกปล่อยยืมตัวเล่นกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ในบุนเดสลีกา เยอรมัน เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งสถานการณ์ต่างๆมันทำให้เขาต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างหนัก รวมถึงการทำงานกับนักจิตวิทยาด้วย

ไรอัน เซสเซยง

ประสบการณ์ของ ไรอัน เซสเซยง

อดีตเด็กปั้น ฟูแล่ม เริ่มเล่าว่า “ครั้งแรกที่ผมเริ่มพูดกับใครซักคนตอนที่ผมไปเยอรมัน เพราะรู้สึกสับสนเล็กน้อย ในตอนเริ่มต้น มันเริ่มต้นได้ดี แล้วก็มีปัญหาเล็กน้อยเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บ และผมก็เริ่มคิดมากเกินไปเกี่ยวกับฟอร์มการเล่นของผม ผมรู้สึกไม่สายใจนิดหน่อย”

“ดังนั้นผมจึงเริ่มพูดคุยกับใครบางคนเกี่ยวกับด้านจิตวิทยา และความสงสัยที่คืบคลานเข้ามาในตัวคุณ หันเหความสนใจของคุณ และทำให้คุณผิดหวัง ดังนั้น จึงเป็นมากกว่าการนำความเชื่อมั่นในตนเองและแง่บวกมาสู่ความคิดของคุณ”

เซสเซยง ไม่เคยพูดในที่สาธารณะในรายละเอียดนี้มาก่อนเกี่ยวกับการพบนักจิตวิทยา และตอนนี้เขากำลังฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นปัญหาเอ็นร้อยหวายที่ทำให้เจ้าตัวต้องพักแข้งไปนานกว่า 1 เดือน และเป็นช่วงเลวที่ยาวนานที่สุดที่เขาไม่ได้ลงสนามให้ สเปอร์ส

ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เซสเซยง ลงเล่นให้กับ สเปอร์ส ไปแล้ว 27 นัด ซึ่งถือว่ายังน้อยกว่าการลงเล่นเป็นเวลา 8 เดือนให้กับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ที่จำนวน 29 เกม โดย อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือ “ไก่เดือยทอง” คิดว่า เขาอาจจะมีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อที่ทำให้ไม่ได้ลงเล่นมากเท่าที่ควร

คอนเต้ เคยกล่าวว่า “ผมคิดว่ามีปัญหาเล็กน้อยสำหรับ ไรอัน และโดยเฉพาะปัญหากล้ามเนื้อ เขาแข็งแรงมาก บางครั้งร่างกายอาจจะแข็งแรงแทนที่จะดีต่อร่างกาย แต่การแข็งแรงมากเกินไปบางครั้งอาจเป็นปัญหาได้”

เซสเซยง กล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่ผมต้องจัดการ เพราะผมอยู่ในขั้นตอนที่จะพัฒนาต่อไปได้ ที่ ฟูแล่ม ผมไม่ได้รับบาดเจ็บเลย แล้วตอนนี้ผมอยู่ที่ สเปอร์ส และมีปัญหาเล็กน้อย แต่เมื่ออายุมากขึ้น ผมต้องเริ่มจัดการกับความเข้มข้นของการฝึกซ้อม วิธีที่ผมฝึกซ้อม แน่นอนว่าการทำงานกับ คอนเต้ การฝึกซ้อมนั้นเข้มข้นอยู่แล้ว”

“มันเกี่ยวกับการเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และฉลาดขึ้นอีกเล็กน้อยในบางช่วงของเกม นั่นเป็นเพียงธรรมชาติของผม และแนวทางการเล่นของผม มันก็แค่รู้จักร่างกายของตัวเอง ฉลาด และพยายามพร้อมในทุกเกมต่อไปผมจะพยายามเรียนรู้สิ่งเหล่านี้”

สเปอร์ส ติดตาม เซสเซยง มานานหลายปีแล้วในฐานะดาวรุ่งฝีเท้าดีที่ ฟูแล่ม หลังจากได้แจ้งเกิดกับทีม “เจ้าสัวน้อย” เมื่อปี 2016 ซึ่งได้รับการยกย่องว่า เป็นแบ็คซ้ายที่รวดเร็ว เล่นเกมบุกได้ดี และเป็นหนึ่งในคีย์แมนที่ทำทำให้ทีมกลับเลื่อนชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ

เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือ สเปอร์ส ในเวลานั้น เป็นคนดึงตัว เซสเซยง มาร่วมทีม แต่การย้ายทีมช่วงแรกนั้น มีปัญหาเล็กน้อยจากอาการบาดเจ็บเอ็นร้อยหวายของเขา ซึ่งทำให้เขาต้องพักยาว 4 เดือน และได้เล่นให้ “ไก่เดือยทอง” ในปีแรกไปเพียง 12 เกมรวมทุกรายการ

“ตอนที่ผมยังเด็กอยู่ ผมรู้ว่า สเปอร์ส ต้องการให้ผมเซ็นสัญญาก่อนหน้านั้น แต่ในที่สุดผมก็เซ็นสัญญากับพวกเขา โปเช็ตติโน่ เป็นเหตุผลหลักว่า ทำไมผมถึงย้ายมา แน่นอนว่า ผมรู้ประวัติของเขากับการทำงานร่วมกับนักเตะดาวรุ่งของสโมสร”

 “ผมมองดูแล้วคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผมที่จะมาลงเล่นหลายๆ เกมตั้งแต่อายุยังน้อยภายใต้การทำงานกับเขา แต่เมื่อเขาจากไป มันก็ยากเพราะ เขาเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผมเซ็นสัญญา และเมื่อผมกลับมาฟิตสมบูรณ์ ผู้จัดการทีมคนใหม่ก็เข้ามา”

“ในแง่ของการที่ผมรู้จักเขาในฐานะบุคคล วิธีที่เขาต้องการเล่น ผมไม่สามารถเรียนรู้จากเขาได้มากกว่านี้แล้ว เพราะเขาโดนไล่ออกเมื่อผมพร้อมที่จะกลับมาลงเล่น ในแง่ของตัวผม ผมคิดว่า ตัวเองได้เรียนรู้มากมายในช่วงเวลานั้น ทางจิตใจ มันหล่อหลอมให้กลายเป็นคนที่ผมเป็นแบบตอนนี้” เซสเซยง กล่าว

ในเดือนพฤศจิกายนปี 2019 โปเช็ตติโน่ ถูกแทนที่โดย โชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งเป็นผู้จัดการทีมที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่เขาไม่ค่อยมีผลงานในการทำงานร่วมกับดาวรุ่งมากนัก และ มูรินโญ่ ก็ระบุว่า เซสเซยง ต้องเรียนรู้การเล่นเกมรับมากกว่านี้

“ในทางใดทางหนึ่ง ผมเข้าใจสิ่งที่เขาพูด ผมอาจจะไม่ดุดันในการแย่งบอลกลับมาอย่างที่เขาต้องการให้ผมเป็น เมื่อมองย้อนกลับไปตอนนี้ ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูด ผมคิดว่าเกมรับของผมพัฒนาขึ้นในแง่ของร่างกาย เล่นบอลอย่างดุดัน ผม เข้าใจสิ่งที่เขาพูด ดังนั้น เมื่อเขาพูดถึงการเรียนรู้ที่จะป้องกันให้ดีขึ้น ในเวลานั้น เขาพูดถูก” อดีตดาวรุ่ง ฟูแล่ม กล่าว

ขณะเดียวกัน สเปอร์ส เซ็นสัญญากับ เซอร์คิโอ เรกีรอน  แบ็กซ้ายชาวสเปนมาจาก เรอัล มาดริด ในเดือนกันยายน 2020 และอีก 2 สัปดาห์ต่อมา เซสเซยง ก็ย้ายไป ฮอฟเฟ่นไฮม ด้วยสัญญายืมตัว และโควิด-19 ก็เริ่มระบาดอีกครั้ง

“ในเยอรมัน พวกเขาเข้มงวดกับกฎเล็กน้อย ผมคิดว่าทุกคนมีเคอร์ฟิว คุณไม่สามารถออกไปข้างนอกได้หลัง 20.00 น. ผมก็เลยไม่มีอะไรทำจริงๆ ผมต้องไปซ้อม และกลับมาที่อพาร์ตเมนต์ของผม มันโดดเดี่ยวมาก โชคดีที่ผมอยู่กับแฟน แต่ถ้าผมอยู่คนเดียว ผมคงจะเสียสติไปแน่ๆ เพราะมันเป็นประเทศใหม่ ภาษาใหม่ ผมไม่รู้จักใครเลย มันยากมากในตอนเริ่มต้น” เซสเซยง กล่าว

หลังหมดสัญญายืมตัวกับ ฮอฟเฟ่นไฮม เซสเซง ก็กลับมาที่ สเปอร์ส อีกครั้ง และคราวนี้เขาก็ได้ร่วมงานกับโค้ชคนใหม่อย่าง นูโน่ เอสพิริโต ซานโต้ ที่เข้ามาทำงานแทน มูรินโญ่

ดาวเตะวัย 21 ปี เล่าว่า “ทันทีที่ นูโน่ และทีมงานของเขาเข้ามา พวกเขายินดีต้อนรับผมมาก ผมจำได้ว่า เราเคยคุยกัน และเขาบอกว่า เขาพยายามเซ็นสัญญากับผมตอนที่เขาอยู่ที่ วูล์ฟแฮมป์ตัน และผมเจอกับทีมของเขามา 2-3 ครั้งในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ผมรู้ว่าเขาชอบผมตั้งแต่ครั้งนั้น”

จุดเปลี่ยนสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ซานโต้ คุม สเปอร์ส ได้เพียง 17 เกมก็โดนไล่ออก และ คอนเต้ ก็เข้ามาทำงานแทน ซึ่งทุกอย่างก็เหมือนการเริ่มต้นใหม่ที่หมดสำหรับนักเตะ สเปอร์ส คนอื่นๆ รวมไปถึงตัว เซสเซยง เองด้วย และในเกมแรกภายใต้การคุมทีมของ คอนเต้ นั้น อดีตดาวรุ่ง ฟูแล่ม ก็โดนไล่ออกจากสนาม

เซสเซยง กล่าวต่ออีกว่า “ผมคิดว่ากับตัวเองว่าผมจะทำให้โอกาสของผมเสียไปเพราะผมคิดว่า โอเค มันเป็นการเริ่มต้นครั้งแรกของผมที่ผมต้องการสร้างความประทับใจให้โค้ช แต่ผมไม่ได้อยู่ในเกมจนจบการแข่งขัน”

“คอนเต้ ไม่ได้พูดอะไรกับผมโดยตรงหลังจากนั้น ผมคิดว่ามันเป็นวันถัดไป เราดูเกมย้อนหลังแล้วเขาก็พูดว่า คุณไม่ได้สัมผัสบอลเลย และก็โดนใบแดงด้วย มันค่อนข้างแย่ มีหลายครั้งที่เราไม่ดีพอ และเขาได้แจ้งให้เราทราบว่าในห้องเปลี่ยนแต่งตัว เขาพูดความจริง เขาพูดในสิ่งที่เขาคิดต่อหน้าเรา และเขาก็จะพูดแบบเดียวกันต่อหน้ากล้องด้วย นั่นแหละคือวิธีที่เขาเป็น”

 “เขาเป็นพวกชอบความสมบูรณ์แบบ เขาต้องการที่จะดีที่สุด และเขาเป็นหนึ่งในโค้ชที่ดีที่สุด ดังนั้นทุกสิ่งที่คุณต้องให้ดีที่สุดตามความสามารถของคุณ เราอยู่ในห้องประชุมแท็คติคทุกวัน ผมพยายามทำให้ตัวเองดีขึ้น เรียนรู้เกี่ยวกับคู่แข่งก็มากขึ้นเช่นกัน มันเป็นเรื่องของวิธีที่เราสามารถปรับปรุงได้ และผมคิดว่าทีมได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างดีเยี่ยม”

เซสเซญง ก็พัฒนาขึ้นมากในการทำงานกับ คอนเต้ โดยเข้าได้ลงสนามตัวจริงติดต่อกัน 6 เกม ในบทบาทวิงแว็คซ้ายในระบบ 3-4-3 และดูเหมือนว่า ดาวเตะวัย 21 ปี จะกลับมามีฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมอีกครั้ง

“ผมคิดว่าผมเป็นทั้งปีกซ้าย และแบ็คซ้าย ดังนั้นมันจึงสมบูรณ์แบบสำหรับผม คอนเต้ ต้องการชนะ เขาต้องการให้เราเล่นอย่างอิสระมากขึ้น รับผิดชอบตำแหน่ง และทุกเกมใส่คู่แข่ง ผมคิดว่าตำแหน่งวิงแบ็ค น่าจะสำคัญที่สุดในทีม ในแง่ของการมีส่วนร่วมในแนวรุกและแนวรับ”

“เราแข็งแกร่งขึ้น แต่หลังจากนั้นก็ชัดเจนว่า ผมก็ต้องสนับสนุนแนวรุกมากขึ้นกว่าเดิมด้วย มันเป็นงานที่มีความต้องการสูง คุณใช้พลังงานมาก แต่คุณต้องฉลาด และมีประสิทธิภาพในเวลาที่เหมาะสม ผมคิดว่า ถ้าผมทำผลงานได้ดีสม่ำเสมอ ผมก็จะได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง”

, , , , , ,