เบ็น กร็อดฟีย์ แข้งเลือดนักสู้แห่งทัพ “ทอฟฟี่”

เบ็น ก็อดฟรีย์ ปราการหลังทีมชาติอังกฤษของ เอฟเวอร์ตัน สโมสรดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก และทีมชาติอังกฤษ ได้พูดคุยถึงความมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ตัวเองหลังจากโดนหลายทีมปฏิเสธที่จะเซ็นสัญญาด้วย และความอดทนจนทำให้เขากลายมาเป็นนักเตะระดับลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ซึ่งเจ้าต้วก็ทำมันได้สำเร็จอย่างเช่นทุกวันนี้

ก็อดฟรีย์ อยู่ที่งานถ่ายภาพของบริษัท Adidas ที่สโมสรฟุตบอลนอกลีกอย่าง อัลทริงแคม ร่วมกับผู้เล่นคนอื่นๆจาก เอฟเวอร์ตัน และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และสำหรับผู้เล่นพรีเมียร์ลีกบางคน นี่เป็นหนทางไกลจากสิ่งที่พวกเขาคุ้นเคย ซึ่งบางคนต้องก้าวมาจากทีมนอกลีก

เบ็น ก็อดฟรีย์ ย้อนนึกถึงเส้นทางค้าแข้งของตัวเอง

กองหลัง เอฟเวอร์ตัน เริ่มกล่าวว่า “มันทำให้ผมหวนนึกถึงสมัยที่ผมเริ่มเล่นฟุตบอลกับ ยอร์ค ซิตี้ นั่นคือจุดเริ่มต้นของผม” ขณะที่เขาสำรวจอัฒจันทร์ ห้องแต่งตัว และป้ายโฆษณาท้องถิ่น รวมถึงบริเวณรอบๆสนามของ อัลทริงแคม

ในเวลานี้ เซ็นเตอร์แบ็กวัย 24 ปี เป็นผู้เล่นระดับพรีเมียร์ลีกที่ได้รับการยอมรับจากแฟนบอล เอฟเวอร์ตัน และเป็นนักเตะทีมชาติอังกฤษไปเรียบร้อยแล้ว โดยก่อนหน้านี้เส้นทางของเขาต้องพบกับความยากลำบากอย่างหนัก

ก็อดฟรีย์ เคยถูก มิดเดิ้ลสโบรช์ ปล่อยออกจากสโมสรเพราะคิดว่า เขามีฝีเท้าไม่ดีพอ ซึ่งหลังจากนั้น เขาก็ไปทดสอบฝีเท้ากับหลายๆทีมอย่าง บาร์นสลีย์, เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ และ ลีดส์ ยูไนเต็ด แต่ก็ต้องโดนปฏิเสธมาตลอด

 ก็อดฟรีย์  เล่าต่อว่า “มันรู้สึกเหมือนกับว่าความฝันจบลงแล้ว การที่พวกเขาปฏิเสธผม มันเป็นการทำลายความมั่นใจครั้งใหญ่จริงๆ มันดูเหมือนจุดสิ้นสุดของการเดินทาง แต่มันเป็นความคิดเห็นจากสตาฟฟ์โค้ชที่ ลีดส์ ที่ทำให้ผมอยู่ในเส้นทางใหม่”

“ช่วงเวลาที่สำคัญอย่างมากคือ หลังจากการทดสอบฝีเท้ากับ ลีดส์ ยูไนเต็ด โค้ชบอกผมว่า พวกเขาจะไม่เสนออะไรให้ผมเลนนอกจากผมต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า พวกเขาเขาคิดผิด คำพูดนั้นติดอยู่กับผมตลอด ตอนนั้นผมสิ้นหวังแล้ว ผมรอไม่ไหวที่จะไป และพิสูจน์ว่าพวกเขาผิด”

 “มันเริ่มต้นด้วยการทำงานหนัก ผมและพ่อจะใช้เวลาหลายชั่วโมงฝึกฝนสิ่งต่าง ๆ ที่พื้นที่ใกล้เคียงของเรา ผมออกเดินทางเพื่อพิสูจน์คนเหล่านั้นที่คิดผิดที่ปฏิเสธผมเมื่อหลายปีก่อน ผมโชคดีที่มีคนดีๆ อยู่รอบตัว”

ครอบครัวของผมเชื่อในตัวผมเสมอ และคอยติดตามผมตลอด พวกเขากำลังพาผมไปในเส้นทงที่ถูกต้อง และเตือนผมว่า ผมมีสิ่งที่จะเอาชนะมันได้ และเติมเต็มความฝันที่จะเป็น นักฟุตบอล การปรับตัวมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของผมเช่นกัน” อดีตแนวรับ นอริช ซิตี้ กล่าวด้วยความมุ่งมั่น

เบ็น ก็อดฟรีย์

โอกาสครั้งสำคัญในอาชีพ และเป้าหมายในอนาคต

ในปี 2016 ก็อดฟรีย์ ก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะของ นอริช ซิตี้ ซึ่งหลังจากนั้น สโมสรก็ปล่อยเขาออกไปเล่นด้วยสัญญายืมตัวกับ ชรูว์สบิวรี เป็นเวลา 1 ปี เพื่อเตรียมเขาให้พร้อมสำหรับทีมชุดใหญ่ของทีมในอนาคต และเจ้าตัวก็ทำสำเร็จด้วยการกลับมาเป็นกำลังของพลพรรค “นกขมิ้นเหลืองอ่อน”

ก็อดฟรีย์ ซึ่งลงเล่นใหกับ ชรูว์สบิวรี ไปมากถึง 51 เกมรวมทุกรายการกล่าวว่า “มันเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมมาก ผมชอบมันมาก มันเป็นก้าวที่สำคัญมาก ผมยังคงติดต่อกับพวกเขาอยู่บ้าง ในฐานะดาวรุ่งที่เล่นในตำแหน่งกองกลางในลีก วัน มันทำให้ผมได้เรียนรู้”

“ผมสนุกกับการได้บงสนาม โชคดีที่ผมมีคุณลักษณะทางกายภาพที่จะจัดการกับฟุตบอลที่ดุดันได้ มัน มันช่วยให้ผมเติบโตในฐานะผู้เล่น และในฐานะบุคคล มีดาวรุ่งหลายคนถามผมเกี่ยวกับประสบการณ์ของผม  ผมอธิบายว่า เมื่อถึงเวลาที่คุณต้องลงเล่น หากทำผิดพลาด คุณต้องเรียนรู้จากมัน มันจะทำให้คุณดีขึ้น”

ขณะเดียวกัน เมื่อถามถึงสิ่งที่ตัวเองต้องปรับปรุง โดยอดีตกองหลังดาวรุ่งของ นอริช กล่าวว่า “ทุกอย่างเลย ในเชิงกลยุทธ์, ในทางเทคนิค, ความเป็นผู้นำ, การตัดสินใจ, ผมแค่อยากจะเป็นผู้เล่นที่ดีกว่านี้ ผมรู้ว่ามันยังมีอะไรอีกมากกว่าที่คิดในฤดูกาลนี้”

“ผมเป็นนักวิจารณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตัวเอง ผมต้องการที่จะอยู่เหนือระดับที่ผมเป็นอยู่เสมอ เพราะปีที่ดีที่สุดของคุณอยู่ข้างหน้าคุณเท่านั้นหากคุณทำงานหนักต่อไป หากคุณรู้สึกสบายใจ คุณสามารถสรุปความก้าวหน้าของคุณหรือถอยหลังได้ในไม่ช้า มันทำให้ผมกระหายอยู่เสมอ”

“การทำให้ครอบครัวของผมภูมิใจเป็นแรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่ ผมต้องการบรรลุสิ่งต่าง ๆ ในวงการฟุตบอล มันเป็นความตื่นเต้นในการทำเช่นนั้น คุณมักจะไล่ตามสิ่งต่าง ๆ การปรับปรุงเกมของผมจะทำให้ผมใกล้ชิดกับรางวัลเหล่านั้นมากขึ้น”

“ผมทำงานหนักมากกว่า 90 นาทีในสนาม มันเป็นงานที่ไม่มีใครเห็น มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันแข่งขันเสมอไป มันเป็นงานที่คุณทำในสนามซ้อมเมื่อไม่มีใครอยู่ที่นั่น หรือในเวลาว่างของคุณฝึกซ้อมที่บ้านเมื่อคนอื่นไม่อยู่  นี่คือเปอร์เซ็นต์พิเศษ”

ในเวลานี้ ก็อดฟรีย์ ติดทีมชาติอังกฤษไปแล้ว 2 เกม และเขาก็พอใจตัวเองในระดับหนึ่งที่มีโอกาสรับใช้พลพรรค “สิงโตคำราม” แต่ในอนาคต แนวรับ เอฟเวอร์ตัน ก็ตั้งเป้าหมายว่า อยากจะไปได้ไกลกว่านี้อีกกับเส้นทางของตัวเอง รวมถึงการคว้าถ้วยรางวัลต่างๆในอาชีพนักฟุตบอล

ก็อดฟรีย์ ซึ่งเคยเป็นเด็กปั้นในทีมอคาเดมี่ของ ยอร์ค ซิตี้ กล่าวว่า “มันทำให้ผมหิวกระหายมากขึ้น แม้ว่าผมจะสนุกกับการเปิดตัวในทีมชาติอังกฤษไปแล้ว แต่ผมใช้สิ่งนั้นเป็นเชื้อเพลิงในตอนนี้ ผมเห็นระดับที่ผมต้องไปถึง ผมอยากอยู่ในทีม นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการอยู่เสมอ”

สำหรับกองหลังวัย 24 ปี รายนี้ มันเป็นเหมือนทำตามความฝั่นของตัวเองสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว และเขาก็ยังต้องการความสำเร็จมากกว่านี้อีกในอาชีพนักฟุตบอลของตัวเองในอนาคต

, , ,