ไม่ว่าเขาจะทำอะไรในฐานะผู้จัดการทีม แอสตัน วิลล่า สโมสรดังแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ วงการฟุตบอลต่างประเทศ ตลอดเส้นทางอาชีพของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด จะถูกตั้งคำถามขึ้นว่า เขาจะกลับไปคุม ลิเวอร์พูล อดีตต้นสังกัดเก่าสมัยเป็นนักเตะหรือไม่
ในสมัยเป็นนักเตะนั้น เจอร์ราร์ด เป็นลูกหม้อของ ลิเวอร์พูล และอยู่กับสโมสรมานานกว่า 15 ปี โดยพาพลพรรค “หงส์แดง” ประสบความสำเร็จมากมายด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า คัพ, ยูฟ่า ซุเปอร์ คัพ, เอฟเอ คัพ, ฟุตบอลถ้วยลีก คัพ
สตีเว่น เจอร์ราร์ด กลับสู่แอนฟิลด์ในรอบ 6 ปี
ขณะเดียวกันในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ จะเป็นครั้งแรกที่ เจอร์ราร์ด ได้หวนกลับมายังถิ่นแอนฟิลด์อีกครั้งหลังเขาอำลาไปเมื่อปี 2015 โดยเจ้าตัวจะมาเยือนในฐานะกุนซือ วิลล่า ที่จะนำลูกทีม “สิงห์ผยอง” ลงพบกับ “หงส์แดง”
หลังแขวนสตั๊ดกับ แอลเอ กาแล็คซี่ ในเมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ สหรัฐฯ เมื่อปี 2016 เจอร์ราร์ด ก็เริ่มไปศึกษางานด้านโค้ชก่อนจะรับโอกาสแรกด้วยการคุม ลิเวอร์พูล ชุดเยาชน ต่อด้วย กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ใน สก็อตติช พรีเมียร์ลีก ซึ่งเขาก็ทำผลงานอดเยี่ยมด้วยการพา เรนเจอร์ส คว้าแชมป์ลีกสูงสุดแดนวิสกี้ได้สำเร็จในรอบทศวรรษของสโมสร
ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา อดีตกองกลางกัปตัน ลิเวอร์พูล ก้าวมาสู่ความท้าทายครั้งใหญ่ในอาชีพหลังอำลา เรนเจอร์ส และตอบรับเข้ามาคุม วิลล่า แทนที่ของ ดีน สมิธ ที่ถูกไล่ออกไป ซึ่งบรรดาสื่อมวลชนแดนผู้ดีต่างก็จับตาดูผลงานของเขาอย่างใกล้ชิด
ในอดีตที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ก็เคยมีอดีตนักเตะระดับตำนานของสโมสรที่ก้าวขึ้นมาทำหน้าที่ผู้จัดการทีม และทำผลงานได้อย่างสุดอดก็คือ เคนนี ดัลกลิช อดีตกองหน้าทีมชาติสก็อตแลนด์ที่พา “หงส์แดง” คว้าแชมป์ลีก 3 สมัย และเอฟเอ คัพ 2 สมัย
สำหรับ เจอร์ราร์ด ดูเหมือนว่า เขาได้เตรียมตัวเองให้พร้อมมากกว่าคนอื่นๆ โดยเริ่มจากคุมทีม ลิเวอร์พูล อายุต่ำกว่า 18 ปี เป็นเวลานานถึง 18 เดือน ซึ่งทำให้เขาได้เรียนรู้การทำงานกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ โค้ชชาวเยอรมันของ “หงส์แดง” ก่อนจะไปคุม เรนเจอร์ส
ตลอดระยะเวลา 3 ปี ของ เจอร์ราร์ด กับ เรนเจอร์ส นั้น ทำให้เขาได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับการทำงานในสโมสรใหญ่ที่ทีความกดดันมหาศาล และเขาก็ทำงานของตัวเองสำเร็จในการพา เรนเจอร์ส กลับมาเป็นทีมที่แข็งแกร่งอีกครั้ง
อนาคตของ กับ ลิเวอร์พูล
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปอาจเป็นคำถามที่ใหญ่ที่สุดในอาชีพของ เจอร์ราร์ด เนื่องจากสัญญาของเขากับ วิลล่า จะหมดลงในปี 2024 ซึ่งมันเป็นปีเดียวกับที่สัญญาของ คล็อปป์ กับ ลิเวอร์พูล จะหมดลงเช่นเดียวกัน
คล็อปป์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อสัญญาของเขากับ ลิเวอร์พูล หมดลงก็อยากจะขอพักการคุมทีมเป็นเวลา 1 ปี และนั่นก็หมายความว่า ตำแหน่งนายใหญ่ “หงส์แดง” จะว่างลง และหาก เจอร์ราร์ด ทำผลงานกับ วิลล่า ได้ดี มันก็แปลกที่เขาจะถูกวางไว้เป็นตัวเต็ง
แต่มันยุติธรรมกับ เจอร์ราร์ด หรือทีมที่เขาทำงานหรือไม่ วิลลา เคยเป็นสโมสรใหญ่ที่เคยคว้าแชมป์ยุโรปในปี 1982 และแชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษได้ถึง 7 สมัย ซึ่งอดีตกองกลาง ลิเวอร์พูล ต้องพิสูจน์ตัวเองว่า เขามีศักยภาพมากพอที่จะประสบความสำเร็จในพรีเมียร์ลีก โดยที่ยังไม่ต้องสนว่า ตัวเองสามารถสืบทอดตำแหน่งต่อจาก คล็อปป์ ได้หรือไม่
แน่นอนว่า เจ้าของสโมสร ลิเวอร์พูล อาจใช้เหตุผลมากมายในการมองหากุนซือคนใหม่เข้ามาแทนที่ คล็อปป์ และพวกเขาอาจจะเลือกโค้ชบิ๊กเนมที่ประสบความสำเร็จในฟุตบอลยุโรปมาแล้ว และ เจอร์ราร์ด ก็อาจถูกมองข้ามไป
ในทางตรงกันข้ามแฟนบอล ลิเวอร์พูล ส่วนใหญ่ก็คงอยากได้ เจอร์ราร์ด เข้ามาสานงานต่อจาก คล็อปป์ และการหวนกลัยมายังถิ่นแอนฟิลด์ของอดีตกัปตันทีมคนนี้มันจะเป็นช่วงเวลาที่แสนโรแมนติกอย่างมากสำหรับพวกเขา
ในวงการฟุตบอลมีเพียงไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จในการคุมอดีตต้นสังกัดเก่าของตัวเอง อาทิ ซีเนอดีน ซีดาน คว้า แชมป์ยุโรป 3 สมัย กับ เรอัล มาดริด ขณะที่ โยฮัน ครัฟฟ์ และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กลายเป็นตำนานที่ บาร์เซโลน่า
ขณะที่นักเตะอีกกลุ่มอย่าง อลัน เชียร์เรอร์, เควิน คีแกน, เกล็ด ฮอดเดิ้ล, และ แฟรงค์ แลมพาร์ด เป็นผู้เล่นระดับตำนานของสโมสรที่พวกเขาเคยเล่นด้วย แต่พวกเขาก็ล้มเหลวในบทบาทกุนซือ ซึ่งรวมถึง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่เพิ่งโดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไล่ออกด้วย
อย่างไรก็ตาม เจอร์ราร์ด อาจพิสูจน์ให้เห็นถึงความแตกต่าง เพราะถ้าเขาประสบความสำเร็จที่ วิลล่า เขาก็จะกลายเป็นตัวแทนของ คล็อปป์ แบบไม่มีใครกล้าปฏิเสธ และเขาอาจจะทำแบบเดียวกับที่ ซีดาน ทำกับ มาดริด และ กวาร์ดิโอล่า ทำกับ บาร์เซโลน่า ก็ได้