เจสซี่ มาร์ช นายใหญ่คนใหม่แห่งทัพ “ยูงทอง”

คลิปวิดิโอที่ เจสซี่ มาร์ช โค้ชชาวอเมริกัน พูดกระตุ้นนักเตะ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ในช่วงพักครึ่งของเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มเมื่อเดือนตุลาคมปี 2020 ที่พวกเขาบุกมาแพ้ ลิเวอร์พูล ทีมดังแห่ง พรีเมียร์ลีก แบบหวุดหวิด 4-3 นั้น ได้รับคำชื่นชมอย่างมากในวงการฟุตบอลต่างประเทศ

มันเป็นการแสดงถึงความดุดัน ความเป็นผู้นำ และการต่อสู้ของ มาร์ช แม้ในฐานะของทีมที่เป็นรอง และสไตล์การทำทีมของเทรนเนอร์วัย 48 ปี ก็ถือเป็นเอกลักษณ์อาทิ การบุกแบบฉับพลัน การเพรสซิ่งสูง และการวางไลน์กองหลังที่ยีนสูงเกือบครึ่งสนาม

เจสซี่ มาร์ช กับบททดสอบที่ ลีดส์

ในเวลานี้ มาร์ช ต้องเจอบททดสอบสำคัญอีกครั้งหลังเข้ามาคุมทีม ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่กำลังดิ้นรนหนีตกชั้นต่อจาก มาร์เซโล บิเอลซ่า นายใหญ่ชาวอาร์เจนไตน์ และสำหรับแฟนๆของ “ยูงทอง” อาจจะตั้งคำถามเกี่ยวกับเขามากมาย

บิเอลซ่า เป็นคนที่แฟน ลีดส์ ให้ความเคารพอย่างมาก ซึ่งเขาไม่เพียงแต่จะพาทีมเลื่อนชั้นกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกเท่านั้น แต่ยังสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งใน และนอกสนามให้กับสโมสรในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาหลายทศวรรษแล้ว

แน่นอนว่า ผู้เข้ามาสืบทอดตำแหน่งของ บิเอลซ่า ไม่เพียงแต่จะถูกเปรียบเทียบเท่านั้น แต่สำหรับโค้ชคนใหม่อย่าง มาร์ช ยังต้องทำผลงานในสนามให้ดีในทันทีอีกด้วย ซึ่งเรียกได้ว่า มันเป็นงานที่ท้าทายอย่างมากสำหรับอดีตกุนซือ ซัลซ์บวร์ก

ปัจจุบัน ลีดส์ รั้งอันดับ 16 ในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก โดยมีแต้มเหนือโซนตกชั้นเพียง 2 คะแนนเท่านั้น นอกจากนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ พวกเขาเสียไปถึง 20 ประตู ซึ่งมากสุดจากทีมใดในพรีเมียร์ลีกในหนึ่งเดือนตามปฏิทิน

ขณะเดียวกัน มีการตั้งคำถามว่า มาร์ช พร้อมจะเข้ามารับเผือกร้อนที่ ลีดส์ หรือไม่ หลังจากที่ห่อนหน้านี้เขาล้มเหลวกับ แอร์เบ ไลป์ซิก ในบุนเดสลีกา เยอรมัน หลังเข้ามาคุมทีมต่อจาก จูเลียน นาเกิลส์มันน์ ได้เพียง 4 เดือน

 ในฤดูกาลนี้ มาร์ช คุม ไลป์ซิก ไปรวมทุกรายการ 20 เกม แบ่งเป็นบุนเดสลีกา 14 เกม ซึ่งเขาพาทีมเอาชนะได้ 7 เกม และแพ้ไป 9 เกม ก่อนจะอำลาสโมสรเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาด้วยการพาทีมรั้งอันอับ 11 ในตารางคะแนน

มีการพูด และแสดงความคิดเห็นมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ผิดพลาดของ มาร์ช แต่ความเห็นพ้องต้องกันโดยทั่วไปคือ เขาเป็นคนที่ใช่ และเป็นโค้ชที่ดี และเป็นที่มีไหวพริบ รวมถึงการวางแท็คติคที่ยอดเยี่ยม แต่เขาอยู่ผิดที่ และผิดเวลาที่ ไลป์ซิก

ในการให้สัมภาษณ์กับรายการโทรทัศน์ฟุตบอลเยอรมัน โอลิเวอร์ มินท์ซลาฟฟ์ ผู้บริหารระดับสูงของไลป์ซิก เคยเปิดเผยว่า ตัว มาร์ช เองก็เข้ามาหาเขาหลายครั้งเพื่อพูดคุยว่า ตัวเองเหมาะสมกับที่จะทำงานในสโมสรต่อไปหรือไม่

แนวทาง และสไตล์การทำทีม รวมถึงการปรับตัวกับ ลีดส์

มาร์ช เป็นกุนซือสมัยใหม่ และได้รับอิทธิพลมาจาก ราล์ฟ รังนิก โค้ช แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาอย่างมหาศาลหลังจากที่พวกเขาเคยร่วมงานกับมาที่ ซัลซ์บวร์ก และเขามีแนวทางการทำทีมคล้ายกับบรรดาเทรนเนอร์อย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ของ ลิเวอร์พูล, โธมัส ทูเคิ่ล ของ เชลซี และ ราล์ฟ ฮาเซ่นฮุทเทิ่ล ของ เซาธ์แฮมป์ตัน

มาร์ช เคยให้สัมภาษณ์ว่า “สำหรับผม รังนิก เป็รคนอัจฉริยะ เขาเปิดโลกฟุตบอลให้ผมอย่างมาก เขาทำให้ผมคิดว่า เขาละเอียดแค่ไหนเกี่ยวกับเกมนี้ ผมชอบให้ทีมของผมที่จะเล่นด้วยความเร็ว และความดุดัน และเครดิตทั้งหมดนี้มาจาก รังนิก”

การได้แนวทางมาจาก รังนิก ทำให้ มาร์ช ประสบความสำเร็จอย่างมากกับ ซัลซ์บวร์ก ซึ่งเขาใช้รูปแบบ 4-4-2 หรือ 4-2-3-1 ที่ออกแบบมาเพื่อให้ทีมมีการเล่นที่ไหลลื่น และการเพรสซิ่งสูง และสไตล์ดังกล่าวก็ทำให้สโมสรคว้าแชมป์ลีก 2 สมัย และฟุตบอลถ้วยภายในประเทศออสเตรียอีก 1 สมัย

ขณะเดียวกันที่ ลีดส์ มาร์ช จะได้พบกับผู้เล่นที่ปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของเขาได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากพวกเขาคุ้นเคยกับการเล่นในแนวทางเดียวกันสมัยที่ บิเอลซ่า คุมทีมอยู่แล้ว ซึ่งน่าจะทำให้ไม่มีปัญหาในการทำงาน

ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ครั้งแรกสำหรับโค้ชชาวอเมริกันคือ การเอาชนะใจแฟนบอล และความคิดที่พวกเขาต่างเสียใจกับการสูญเสียผู้นำทางจิตวิญญาณอย่าง บิเอลซ่า แต่ มาร์ช ก็เป็นคนที่ฉลาด และเข้าใจถึงความจำเป็นในการซึมซับวัฒนธรรมท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี

โค้ชวัย 48 ปี กล่าวว่า “สิ่งแรกที่สำคัญคือ การปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งรวมถึง เข้าใจว่าผู้คนทำงานอย่างไร พวกเขาคิดอย่างไร และนั่นเป็นส่วนสำคัญในการทำงานของผม เรามีผู้เล่นอายุน้อยจำนวนมากในทีมของเรา และพวกเขาต้องรู้ว่าการทำผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นได้”

อย่างไรก็ตาม ที่ ลีดส์ นั้น มาร์ช เวลาน้อยมากสำหรับความผิดพลาดหลังจากที่สโมสรต้องเสี่ยงอย่างหนักในการหนีตกชั้นในช่วงที่เหลือของซีซั่นนี้ และการเข้ามาทำงานของเขาในทัพ “ยูงทอง” ต่อจากโค้ชมากประสบการณ์อย่าง บิเอลซ่า นั้น ไม่ใช่งานง่ายอยู่แล้ว