แอนโธนี่ เอลังก้า ปีกดาวรุ่งชาวสวีเดน ได้โอกาสลงสนามให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้ไปรวมทุกรายการ 9 เกมแล้ว และเขาก็ได้รับคำชื่นชมอย่างมากจาก ราล์ฟ รังนิก กุนซือขัดตาทัพ “ปีศาจแดง”
ในฤดูกาลที่ผ่านมา โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ อดีตนายใหญ่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เคยให้สัมภาษณ์ว่า เอลังก้า จะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ และตั้งเดือนมกราคมปี 2022 ดาวเตะวัย 19 ปี ก็กลายเป็นสมาชิกในทีมชุดแรกของ “ปีศาจแดง” อย่างสม่ำเสมอ
ตลอด 9 เกมที่ เอลังก้า ลงเล่นให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้น มันเป็นการคุมทีมของ รังนิก ถึง 8 เกม ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เทรนเนอร์คนใหม่ชาวเยอรมันชื่นชอบเข้ามากเพียงใด และดูเหมือนว่า เขาจะเป็นคีย์แมนของทีมไปจนจบฤดูกาลนี้แน่นนอน
แอนโธนี่ เอลังก้า กับเส้นทางสู่ทีมชุดแรกของ แมนฯ ยูไนเต็ด
เอลังก้า เกิดในปี 2002 และเติบโตในสวีเดน โดยเข้าเป็นลูกชายของอดีตนักเตะทีมชาติแคเมอรูน อย่าง โจเซฟ เอลังก้า และในปี 2013 ครอบครัวของเขาก็ย้ายมาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และ เอลังก้า ก็ได้เข้าร่วมอคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด
ในฤดูกาล 2018/19 เอลังก้า ยิงไป 3 ประตู กับทำ 5 แอสซิสต์ให้กับทีมชุดอายุต่ำกว่า 18 ปีของ แมนฯ ยูไนเต็ด และตามมาด้วยการมีส่วนร่วม 10 ประตูในฤดูกาลถัดไป ซึ่งจากฟอร์มอันสุดยอดของเจ้าตัวนั้น ก็ทำให้ได้รับรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรตามรอยเท้าของรุ่นพี่อย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด
ความยอดเยี่ยมของ ปีกชาวสวีเดนกับทีมชุดเล็กของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้เขาได้รับโอกาสจาก โซลชา เรียกตัวมาฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ และมอบโอกาสให้ประเดิมสนามในเกมพรีซีซันกับ แอสตัน วิลล่า ในซัมเมอร์ปี 2020
หลัวจากเล่นให้กับเยาวชนของ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างสม่ำเสมอ เอลังก้า ก็ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่เต็มตัวในฤดูกาลที่ผ่านมา ก่อนจะมาแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในปีนี้ ซึ่งเขาก็แสดงให้เห็นว่า มีพรสวรรค์มากพอจะกลายเป็นคีย์แมนของทีมในอนาคต
ขณะเดียวกัน โซลชา เคยกล่าวชื่นชม เอลังก้า ว่า “เขามีจรรยาบรรณในการทำงานอย่างมาก และความอ่อนน้อมถ่อมตน เขามีทักษะรอบด้าน เขามีคุณลักษณะบางอย่างที่คุณต้องการในฐานะผู้เล่น และฝีเท้าของเขานั้นสุดยอดมากๆ”
“เขาถนัดเท้าขวาแต่ก็สามารถยิงด้วยเท้าซ้ายได้เหมือนกัน นั่นถือเป็นโบนัสก้อนโตเช่นกัน ผมคิดว่ามีอนาคตสดใสสำหรับเขารออยู่ และผมรู้ว่าผมไว้ใจเขาได้ เขาเป็นคนติดดินเสมอ และใช้ความสามารถของตัวเองในสนามได้เกิดประโยชน์สูงสุด”
ในช่วงต้นซีซั่นที่ผ่านมา มิดฟิลด์ชาวสวีเดนยังคงเล่นอยู่กับทีมสำรองของ แมนฯ ยูไนเต็ด และยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการยิง 4 ประตู และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขันทีมสำรองที่พบกับ ไบรท์ตัน, เอฟเวอร์ตัน, ลิเวอร์พูล และ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
ขณะเดียวกัน ในเกมแรกของ รังนิค ที่คุม แมนฯ ยูไนเต็ด พบกับ คริสตัล พาเลซ นั้น เอลังก้า ได้ลงสนามแทนที่ของ แรชฟอร์ด และหลังจากนั้น นายใหญ่ชาวเยอรมันวัย 63 ปี ก็ส่งเขาลงเล่นอย่างต่อเนื่องจนถึง ณ เวลานี้
ความยอดเยี่ยม และพรสวรรค์ของ เอลังก้า นั้น ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด จัดการขยายสัญญาของเขาไปยาวจนถึงปี 2026 โดยดาวรุ่งชาวสวีเดนกล่าวหลังต่อสัญญาว่า “สโมสรแห่งนี้มีสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบเพื่อทำให้ผมก้าวต่อไป ที่นี่มีผู้เล่น และโค้ชระดับโลกที่จะทำให้ผมได้เรียนทุกวัน”
อนาคตที่สดใสในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ในเวลานี้ เอลังก้า ดูเหมือนจะก้าวไปอีกระดับแล้ว โดยเขาลงเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปทุกรายการในเดือนมกราคมที่ผ่านมา และได้เป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีก 3 เกมติดต่อกันก่อนแนวรุกคนอื่นๆอย่าง แรชฟอร์ด, เจดอน ซานโช่ ปีกขาวอังกฤษ และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล หัวหอกชาวฝรั่งเศสซึ่งย้ายไปเล่นกับ เซบีย่า ในลา ลีกา สเปน ด้วยสัญญายืมตัวเรียบร้อยแล้ว
แนวรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ส่วนใหญ่ในมักจะขึ้นทางริมเส้นฝั่งซ้ายเป็นหลัก และ เอลังก้า ก็รับหน้าที่ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี และแสดงให้เห็นว่า เขาได้ช่วยทีมในการเล่นรุกของพลพรรค “ปีศาจแดง” ภายใต้การคุมทีมของ รังนิก อย่างไรบ้าง
รังนิก ชอบที่จะใช้ระบบพลังงานสูงโดยเน้นที่การกดดันผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามในแดน เอลังก้า ดูเหมือนจะเติมเต็มบทสรุปนี้ให้กับผู้จัดการทีมชาวเยอรมันได้ และการตัดสินใจจังหวะต่างๆในสนามของเขานั้น ก็ทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว
ความเก่งกาจในตำแหน่งตัวริมเส้นฝั่งซ้ายของ เอลังก้า นั้น ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีตัวเลือกในเกมรุกที่หลากหลายมากขึ้น และการที่เขาทำผลงานได้ดีก็ทำให้ แรชฟอร์ด และ ซานโช่ ต้องเรียกฟอร์มของตัวเองกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ การที่ดาวรุ่งชาวสวีเดนได้ทำงานร่วมกับนักเตะรุ่นพี่อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกชาวโปรตตุเกส และ เอดิสัน คาวานี่ กองหน้าชาวอุรุกวัย นั้น ก็ทำให้ เอลังก้า พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว และพร้อมจะเป็นกำลังสำคัญของทีมต่อไปในอนาคต