สถานการณ์ของ โรเมลู ลูกากู

มีคำถามมากมายกับ โธมัส ทูเคิ่ล เทรนเนอร์ชาวเยอรมันของ เชลซี ทีมดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก่อน และหลังเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ “สิงโตน้ำเงินคราม” เปิดบ้านอัด ลีลล์ 2-0 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ทุกคนมุ่งความสนใจก็คือ อนาคตของ โรเมลู ลูกากู กองหน้าชาวเบลเยียม

ในเกมที่ เชลซี เอาชนะ ลีลล์ นั้น ลูกากู เป็นตัวสำรอง และไม่ถูดส่งลงสนามเลยแม้แต่นาทีเดียว ซึ่ง ทูเคิ่ล อธิบายว่า มันไม่ใช่เวลาที่ทุกคนจะมาโจมตีฟอร์มการเล่นของ ดาวยิงวัย 28 ปี และเป็นช่วงเวลาที่ต้องหาทางออกร่วมกันให้ได้

โรเมลู ลูกากู กำลังเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก

ขณะเดียวกัน ไค ฮาเวิร์ตซ์ กองกลางดาวรุ่งชาวเยอรมันก็ได้รับมอบหมายจาก ทูเคิ่ล ให้เล่นในตำแหน่งกองหน้าแทนที่ของ ลูกากู และในเกมกับ ลีลล์ อดีตจอมทัพ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และซัดประตูขึ้นนำให้กับ เชลซี อีกด้วย

นอกจากนี้ ในศึกฟุตบอล ลีก คัพ นัดชิงชนะเลิศที่ เชลซี จะพบกับ ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำของ เจอร์เก้น คล็อปป์ โค้ชชาวเยอรมัน ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ สื่อมวลชนในเมืองผู้ดีต่างก็วิเคราะห์กันว่า ฮาเวิร์ตซ์ จะได้รับโอกาสก่อน ลูกากู เช่นเคย และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

ย้อนกกลับไปในเกมกับ ลีลล์ นั้น ฮาเวิร์ตซ์ ยิงประตูตั้งแต่นาทีที่ 8 และเมื่อจบครึ่งแรกเขาทำการสัมผัสบอลไปถึง 23 ครั้ง ขณะที่ ลูกากู สัมผัสบอลไปเพียง 7 ครั้งตลอดทั้งเกมกับ คริสตัล พาเลซ และหนึ่งในนั้นคือ การเขี่ยบอล

อย่างไรก็ตาม สำหรับการมุ่งเน้นไปที่ตัวเลขดังกล่าว ไม่ได้บ่งชี้ว่า ทูเคิ่ล ไม่ไว้วางใจในตัว ลูกากู แล้ว แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะเลือกไม่ใช่งานอดีตนักเตะ อินเตอร์ มิลาน และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการเผชิญหน้ากับลีลล์

นายใหญ่ เชลซี อธิบายว่า “ตอนนี้มันไม่ใช่ช่วงเวลที่มาแสดงความคิดเห็นกันหลังการแข่งขันที่ทุกคนจดจ่อกับการสัมผัสเพียงไม่กี่ครั้งของ ลูกากู เพื่อนำเขาไปสู่การเป็นพาดหัวข่าวในวันต่อๆ ไป มันเป็นช่วงเวลาที่ต้องก้าวออกมา และนั่นคือการตัดสินใจของผม”

“ตอนนี้เราชนะ และทำผลงานได้ดีแล้ว และคำถามทั้งหมดยังคงเกี่ยวกับ ลูกากู ดังนั้น โฟกัสนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่ แต่ในเกมกับ ลีลล์ มีผู้เล่นอีก 9 คนที่ไม่ได้เล่น และเราไม่ควรลืมว่า ฟุตบอลคือ กีฬาที่เล่นด้วยกันเป็นทีม”

เมื่อ ลูกากู โดนถอดออกจากทีมตัวจริงนั้น ความสนใจบางส่วนถูกมองไปที่ ฮาเวิร์ตซ์ และการพัฒนาของมิดฟิลด์วัย 22 ปี ก็ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่สำคัญของ เชลซี ภายใต้การดูแลของ ทูเคิ่ล ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ฮาเวิร์ตซ์ เข้าสู่ฤดูกาลที่ 2 ของเขาในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ แล้ว และจากสถิติเพียงอย่างเดียวอาจดูไม่น่าประทับใจนักหลังจากที่เจ้าตัวยิงไป 16 ประตู จาก 75 เกมรวมทุกรายการให้กับพลพรรค “สิงโตน้ำเงินคราม”

อย่างไรก็ตาม ฮาเวิร์ตซ์ กำลังพิสูจน์ตัวเองว่า เขากำลังจะก้าวมาเป็นคีย์แมนของทีม โดยประตูที่เขาทำได้แต่ละลูกนั้น มีความหมายอย่างมาก อาทิ การยิงประตูชัยให้ เชลซี เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงฯ และพาทีมคว้าแชมป์เมื่อซีซั่นที่แล้ว

 โจ โคล อดีตกองกลางทีมขาติอังกฤษของ เชลซี แสดงความคิดเห็นว่า “เขาเป็นนักเตะที่มีความสามารถพิเศษในเกมใหญ่ ผู้เล่นบางคนมีสิ่งที่พิเศษ และ ไค ฮาเวิร์ตซ์ ก็คือ นักเตะแบบนั้น เขาจะอยู่ในทีมตัวจริงของกุนซือทุกๆคนเมื่อถึงเกมสำคัญๆ”

ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตกองหลังกัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวเสริมว่า “ในเกมที่ใหญ่ และต้องการใครสักคนที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ ผมคิดว่า ไค ฮาเวิร์ตซ์ คือคนนั้น เขาจะยิ่งใหญ่ และแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม คุณจะเห็นความมั่นใจในตัวเขา เขายังเป็นผู้เล่นอายุน้อย แต่เขาสร้างผลกระทบอย่างมากในเกมใหญ่”

การเปลี่ยนแปลงแนวรุกที่ เชลซี

ฮาเวิร์ตซ์ ย้ายจาก เลเวอร์คูเซ่น มาที่ เชลซี ในฐานะเพลยเมคเกอร์หมายเลข 10 โดยมีบทบาทคือ สร้างสรรค์เกมรุกให้กับกองหน้า แต่การถูกดันมาเป็นหัวหอกก็เป็นสิ่งที่ อดีตดาวเตะ “ห้างขายยา” ก็สนุกกับหน้าที่ใหม่ของตัวเองเช่นกัน

ฮาเวิร์ตซ์ กล่าวว่า “มันเป็นเรื่องดีสำหรับผม เรามีกองหน้าที่ดีมากมายอย่างเช่น ลูกากู และ ติโม แวร์เนอร์ ดังนั้น มันก็ดีเช่นกันที่มีการเปลี่ยนแปลง และทำฝ่ายตรงข้ามเดาแผนการเล่นของเราไม่ได้ และตอนนี้ผมก็ทำได้ดี ผมสนุกกับทุกตำแหน่งในแนวรุก”

ขณะเดียวกัน โคล เชื่อว่าตำแหน่งศูนย์หน้าเป็นหนึ่งในบทบาทที่ ฮาเวิร์ตซ์ จะทำผลงานได้ดีในระยะยาวโดยระบุว่า “ผมคิดว่าเขาเก่งมากๆ เขาลงมารับบอล และเก็บบอลได้ดี ผมคิดว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดของ ฮาเวิร์ตซ์ คือ กองหน้าตัวกลาง และนั่นจะเป็นปัญหาใหญ่เพราะมันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับ ลูกากู”

โจดี้ มอร์ริส อดีตกองกลาง และผู้ช่วยผู้จัดการทีมของ เชลซี แสดงความคิดเห็นว่า “ลูกากู เป็นผู้เล่นระดับท็อป และเมื่อผู้เล่นระดับท็อปพบว่า ตัวเองอยู่บนม้านั่งสำรอง พวกเขาจะมองดูผลงานตัวเอง และพยายามเรียกฟอร์มกลับมา”

“แต่ตอนนี้มันไม่ได้ผล แต่เขาทำประตูได้ในศึกชิงแชมป์สโมสรโลก และบางที โธมัส ทูเคิ่ล อาจดึงเขากลับเข้ามาสู่ทีมตัวจริงอีกครั้งในเร็วๆนี้ ผมคิดว่า มันเป็นเรื่องน่าปวดหัวที่ดีสำหรับผู้จัดการทีมในการมีนักเตะคุณภาพมากมายให้เลือกใช้งาน”

, , , , ,

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *