เอ็ดดี้ ฮาว ผู้จัดการทีมคนใหม่ของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ทีมดังแห่ง วงการฟุตบอลต่างประเทศ เคยมีคำพูดของ จอห์น วูดเดน โค้ชบาสเกตบอลมหาวิทยาลัยอเมริกันแปะอยู่ที่ฝาผนังสมัยยังทำงานที่ บอร์นมัธ ว่า “ทำให้แต่ละวันเป็นวันสุดท้ายของคุณ”
ฮาว เคยอธิบายเมื่อปี 2016 เกี่ยวกับคำพูดของ วูดเดน ได้เปลี่ยนความคิดของเขาในการทำงานเป็นกุนซือของเขาไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงการใช้ชีวิตนอกสนามด้วย และมันทำให้เขาทุ่มเททำงานหนักอย่างเต็มที่ในทุกๆวัน
จุดแข็งของ เอ็ดดี้ ฮาว
เจสัน ทินดอลล์ อดีตผู้ช่วยของ ฮาว ที่ บอร์นมัธ เล่าว่า “คุณถามใครก็ได้ จุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอ็ดดี้ ฮาว คือ จรรยาบรรณในการทำงานของเขา เขาทุ่มเทอย่างหนักในทุกๆวัย และทำงานตลอดเวลาที่จำเป็นเพื่อให้ทีมประสบความสำเร็จ”
ฮาว เน้นการทำงานร่วมกับผู้เล่นเป็นหลัก โดยเทรนเนอร์วัย 43 ปี ลงมือทำงานอย่างจริงจังในสนามซ้อม ซึ่งหากย้อนกลับไปในแคมป์ปรีซีซันของ บอร์นมัธ ในปี 2019 ที่จัดทำวิดิโอขึ้นมาก็จะเห็นความมุ่งมั่นของเขาอย่างเต็มที่
ในวิดิโอดังกล่าว ฮาว สั่งการลูกทีมของเขาตลอดเวลา และจกสอดแทรกแท็คติคในระหว่างซ้อมเมื่อจำเป็น และหลังจากนั้น เขาก็จะค่อยๆเพิ่มรายละเอียดในแต่ละจุดมากขึ้นเรื่อยๆไปจนถึงการแนะนำกลุ่มนักเตะสำรอง
ทอมมี่ เอลฟิก นักเตะที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีม บอร์นมัธ ช่วงที่ทีมเล่นในลีก วัน กล่าวถึง ฮาว ว่า ““เขาเป็นนักคิดค้นอย่างแท้จริง พิถีพิถัน และมีรายละเอียดเยอะมากในการทำงานของเขา เขามีเป้าหมายเสมอ และทำได้ดีมากด้วยในการสร้างความสามัคคีในห้องแต่งตัว”
ขณะเดียวกัน ฮาว ยังเป็นโค้ชที่สร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับนักเตะ แฟนบอล และสตาฟฟ์ในทีม ซึ่งมันเป็นอีกหนึ่งในจุดเด่นของเจาที่ช่วยให้อดีตสโมสรเก่าอย่าง บอร์นมัธ ก้าวขึ้นมาเล่นในศึกพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จอย่างน่าชื่นชม
แฟนบอล นิวคาสเซิ่ล ต้องการผู้จัดการทีมที่มีความกระหาย สร้างทีมด้วยฟุตบอลเกมรุด และต้องมีสายสัมพันธ์กับพวกเขาด้วย และแน่นอนว่า ฮาว น่าจะตอบโจทย์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
เอลฟิก กล่าวเสริมว่า “เขาใช้เวลามากมายในการทำความรู้จักกับนักเตะของเขา และสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่เขาทำที่ บอร์นมัธ คือ เขาเข้าถึงประวัติศาสตร์ของสโมสรได้อย่างแท้จริง เขาทำให้เราภูมิใจที่ได้สวมเสื้อตัวนี้ และทำให้เราได้เล่นในแบบที่โดนใจแฟนๆ”
หลังก้าวขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ ฮาว ก็สร้าง บอร์นมัธ ให้กลายเป็นน้องใหม่ที่เล่นฟุตบอลได้น่าตื่นเต้น โดยพลพรรค “เดอะ เชอร์รีส์” ไม่ใช่ทีมเน้นเกมรับ แต่พวกเขาพร้อมจะใช้เกมรุกต่อกรกับทุกทีมที่เผชิญหน้าด้วย
ย้อนกลับไปในเดือนมกราคมปี 2018 ฮาว เคยสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการพา บอร์นมัธ บุกไปอัด เชลซี ภายใต้การนำของ อันโตนิโอ คอนเต้ เทรนเนอร์ชาวอิตาเลียน ถึง สแตมฟอร์ด บริดจ์ 3-0 ซึ่งทำให้เขาได้รับการชื่นชมอย่างมาก
เอลฟิก กล่าวว่า “สไตล์การคุมทีมของเขาน่าตื่นเต้น และเล่นฟุตบอลที่รวดเร็ว เราต้องการชนะในเกมเสมอไม่ว่าจะเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในพรีเมียร์ลีก หรือ โอลด์แฮม ในลีก วัน เมื่อเราลงสนามเราจะไม่หยุดวิ่ง”
เอ็ดดี้ ฮาว กับความท้าทายที่ นิวคาสเซิ่ล
ฮาว เป็นกุนซือที่มีชื่อเสียงในการเล่นฟุตบอลเกมรุก เอาใจใส่ผู้เล่นของเขาอย่างลึกซึ้ง และสามารถรวบรวมความสามัคคีในทีมได้ และดูเหมือนว่า เขาจะเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ที่เหมาะสมกับ นิวคาสเซิ่ล ยุคใหม่
ฮาว อำลา บอร์นมัธ ในเดือนสิงหาคมปี 2020 หลังพาทีมตกชั้น โดยก่อนหน้านี้เขาทำงานกับทีมมายาวนานถึง 8 ปี และที่ทัพ “เดอะ เชอร์รีส์” ก็ไม่มีใครที่โทษเขาเลยที่ไม่สามารถพาสโมสรอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกได้
ขณะเดียวกัน หลายคนสงสัยว่า ฮาว จะทนต่อความกดดันในการเข้ามารับงานที่ นิวคาสเซิ่ล ได้หรือไม่ เนื่องจากเวลานี้ “สาลิกาดง” กลายเป็นทีมที่รวยที่สุดในโลกไปแล้ว และต้องการความสำเร็จมาสู่สโมสรโดยเร็วที่สุด
ในช่วงที่คุม บอร์นมัธ ในพรีเมียร์ลีกนั้น ฮาว ใช้เงินไปกว่า 250 ล้านปอนด์ในการซื้อผู้เล่น โดยมีนักเตะอย่าง โดมินิก โซลันกี้ ค่าตัว 19 ล้านปอนด์ และ จอร์แดน ไอบ์ ตัว 16 ล้านปอนด์ ที่ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง
อย่างไรก็ตาม ฮาว เป็นคนที่ทำให้ผู้เล่นอย่าง ไทโรน มิงส์, ไรอัน เฟร์เซอร์, นาธาน อาเก้ และ อารอน เรมส์เดล ได้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว ซึ่งนักที่กล่าวมาต่างก็กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับต้นสังกัดในปัจจุบัน
แม้ว่า การเข้าทาทำงานกับ นิวคาสเซิ่ล ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ เอลฟิก ก็มั่นใจว่า อดีตเจ้านายเก่าจะทำผลงานได้เป็นอย่างดี โดยระบุว่า “เขาเป็นนักคิดที่ละเอียด แต่ก็มีจุดมุ่งหมาย และโครงสร้างอยู่เสมอ แฟน ๆ นิวคาสเซิ่ล สามารถตั้งตารอคอยการสร้างทีมของเขาได้เลย ที่พวกเขาจะประทับใจจริงๆ และรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อพวกเขาดูทีมของ ฮาว ลงสนาม”