ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ การสูญเสียของ “หงส์แดง”

ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ เข้ามาร่วมงานกับ ลิเวอร์พูล ทีมดังแห่ง วงการฟุตบอลต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 2011 ก่อนที่ได้เลื่อนให้เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการด้านกีฬา และช่วยให้ “หงส์แดง” ภายใต้การนำของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมันคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2019 ซึ่งเป็นแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีของสโมสร

เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผานมา เอ็ดเวิร์ดส์ ประกาศยืนยันจะอำลา ลิเวอร์พูล หลังจบฤดูกาลนี้หลังจากาะหมดสัญญาในซัมเมอร์ปี 2022 โดยที่ จูเลียน วอร์ด ผู้ช่วยผู้อำนวยการกีฬา “หงส์แดง” จะเข้ามารีบช่วงต่อแทน

เฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป  เจ้าของทีม ลิเวอร์พูล พยายามเกลี้ยกล่อม เอ็ดเวิร์ดส์ ให้ต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปแต่ก็ไม่สำเร็จ ขณะที่ ผอ.กีฬาวัย 41 ปี ยืนยันว่า เขายังไม่มีแผนการจะย้ายไปร่วมงานกับสโมสรใดแม้จะได้รับความสนใจจาก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ก็ตาม

ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์

จดหมายอำลาของ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์

เอ็ดเวิร์ดส์ ระบุว่า “ในแง่ของฟุตบอลมันคือ ยุคในตัวของมันเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สโมสรอย่าง ลิเวอร์พูล ที่ความคาดหวัง และมาตรฐาน และไม่เคยมีอะไรอื่นสูงไปกว่ากองเชียร์ที่พวกเขาสมควรได้รับ”

“การได้เป็นส่วนหนึ่งของสโมสรแห่งนี้ในช่วงเวลานี้ถือเป็นสิ่งพิเศษอย่างมาก เนื่องมาจากผมได้ร่วมงงานกับคนดีๆ และความสำเร็จที่เราได้รับ แต่สิ่งดีๆ ทั้งหมดจะต้องจบลง และในกรณีของผม ผมกำลังจะจบหน้าที่ช่วงซัมเมอร์สุดท้ายนี้ในฐานะผู้อำนวยการด้านกีฬาของ ลิเวอร์พูล”

“เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลนี้ ผมจะเก็บโน้ตบุ๊คของตัวเอง และออกจากสำนักงานที่ศูนย์ฝึกอบรมแอกซ่าเป็นครั้งสุดท้าย ผมวางแผนที่จะจำกัดเวลาที่สโมสรสูงสุด 10 ปีมาโดยตลอด ผมชอบทำงานที่นี่ แต่ผมเชื่อในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ผมคิดว่ามันดีสำหรับทุกคน และในการทำงาน รวมถึงเจ้าของสโมสรด้วย”

“ในช่วงเวลาของผมที่นี่ เราได้เปลี่ยนแปลงหลายอย่าง แต่คนที่เข้ามาใหม่จะนำมุมมองที่แตกต่าง แนวคิดใหม่ ๆ และหวังว่าจะสามารถต่อยอดหรือเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ที่สโมสรวางไว้ล่วงหน้าได้”

“นั่นคือวิธีที่ผมเชื่อว่าธุรกิจของสโมสรฟุตบอลถ้าคุณจะเป็นผู้นำ คุณต้องพัฒนา และหัวใจของกระบวนการประเภทนี้ก็คือ บุคคล ผมคิดว่า ลิเวอร์พูล เป็นสโมสรที่มีประวัติศาสตร์สุดยอดเสมอมา และผมหวังว่านี่จะเป็นสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง”

นอกจากนี้ เอ็ดเวิร์ดส์ ยังกล่าวถึงการทำงานร่วมกับ คล็อปป์ ด้วยว่า “การเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลน่าจะยากกว่าการเป็นนักเตะ  แต่ เจอร์เก้น ได้มอบความสุขให้กับแฟน ๆ มากมาย และยืนยันคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของสโมสรมากมายที่เขาจะถูกเขียนลงไปในประวัติศาสตร์ในฐานะหนึ่งในสุดยอดจัดการทีมของสโมสรแห่งนี้”

“เขาเป็นคนที่มีความกระหาย เขาต้องการชนะ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นในรายการใหญ่หรือเล็กก็ตาม และเขาได้นำทีมมาอย่างดีตลอดในช่วงเวลาของผมที่ ลิเวอร์พูล ผมและ เจอร์เก้น มีความสัมพันธ์ที่ดี และก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน ผมมั่นใจว่า ทีมงานที่เหลือจะนำสโมสรประสบความสำเร็จมากขึ้น”

ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์

ความสุดยอดของ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์

คล็อปป์ ระบุว่า  “ผมรู้ว่าเขาไม่รีบจากไปนักหรอก ซึ่งถือว่าดีมาก ดังนั้น เราจึงยังมีเวลาร่วมงานกันอีกสักพัก ถ้าเราโชคดี และมีความสุขเหมือนที่เคยเป็นมา บางทีเราอาจสร้างความทรงจำที่พิเศษให้กับสโมสรของเราในช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้ได้”

“เขาทำงานหนักอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาของผมที่สโมสรแห่งนี้ และการมีส่วนร่วมของเขาในความสำเร็จของเรานั้นชัดเจนสำหรับทุกคนที่เห็น ผมเชื่อมั่นในตัว ไมค์ กอร์ดอน ประธาน FSG และกลุ่มเจ้าของที่เปิดกว้างขึ้นในวิสัยทัศน์ของพวกเขาสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป”

“จูเลียน วอร์ด และผมได้ทำงานอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เขาเริ่มทำงานที่นี่ และบทบาทที่กว้างขึ้นของเขาในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เรามีบุคลากรที่เก่งกาจมากมายที่นี่ ทุกคนมีส่วนร่วมในสิ่งที่เราประสบความสำเร็จ และผมไม่มีอะไรนอกจากความมั่นใจว่าเราจะพัฒนา ก้าวหน้า และปรับปรุงต่อไปในฐานะองค์กร”

กอร์ดอน กล่าวถึง เอ็ดเวิร์ดส์ ว่า “ผลงาน และความสำเร็จของ ไมเคิล จะยืนหยัดทดสอบกาลเวลาด้วยบทบาทที่เขามีส่วนในการช่วยสร้าง และหล่อหลอมสโมสรให้กลายเป็นสิ่งที่เราเห็นในวันนี้ เขาเป็นบุคคลสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของ ลิเวอร์พูล จากผู้ท้าชิงไปเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก และแชมป์ยุโรป”

วินนี่ โอคอนเนอร์ นักข่าวที่ติดตาม ลิเวอร์พูล ระบุว่า “มันง่ายที่จะชี้ให้เห็นถึงเรื่องราวความสำเร็จมากมายของเขาที่ แอนฟิลด์ เขาบทบาทสำคัญในการนำเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, โม ซาลาห์, อลิสสัน เบ็คเกอร์ และ ซาดิโอ มาเน่ มาที่สโมสร”

“ขณะเดียวกัน เขาก็มีส่วนสำคัญในการขาย จอร์ดอน ไอบ์, ริอาน บริวสเตอร์ และ โดมินิก โซลันกี้ ด้วยค่าตัวรวม 57.5 ล้านปอนด์ และช่วยให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ มีเงินทุนมากมายในการเสริมทัพในช่วงที่ผานมา”

“ไมเคิล สมควรได้รับการยกย่องสำหรับการซื้อขายนักเตะอย่างสร้างสรรค์ของเขา ไม่มีอะไรมากไปกว่าตอนที่ บาร์เซโลน่า ตามล่า ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และทุกอย่างมันก็จบลงในเดือนมกราคม 2018 เพราะ ไมเคิล เรียกค่าตัวได้ถึง 142 ล้านปอนด์ และใส่เงื่อนไขว่า บาร์เซโลน่า ห้ามซื้อนักเตะ ลิเวอร์พูล จนถึงปี 2021”

“มันชัดเจนว่า วิธีที่เขาจัดการการซื้อ-ขายของ ลิเวอร์พูล นั้น เป็นกุญแจสำคัญในสร้างทีมที่ทำให้ คล็อปป์ สามารถสร้างความสำเร็จได้”

, ,

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *